พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก มั่นใจว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้จะไม่ลุกลามบานปลายเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ 6 ตุลา และ 14 ตุลา และมองว่าการปฏิวัติไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
แต่ก็ยืนยันว่าทหารจะอยู่เคียงข้างประชาชน มีความเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง และเชื่อว่ายังไม่สายเกินไปที่จะมีการเจรจาเพื่อยุติปัญหา ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็คงต้องหาทางออกใหม่
"ผมว่าถ้ารักษาสถานการณ์ไม่ได้ ก็ต้องมีวิธีที่คิดว่าจะต้องทำอย่างไร" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่บุว่าได้เข้ารายงานสถานการณ์ต่อพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เช้าวานนี้เพื่อรายงานสถานการณ์
ผบ.ทบ.ยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการใช้ความรุนแรงทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและบาดเจ็บ นอกจากการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวของฝ่ายตำรวจว่าจะมีการสร้างสถานการณ์และเผาสถานที่ราชการ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายแต่ละหน่วยงานนำข้อเสนอ2-3 ประเด็น ไปปรับปรุง ก่อนนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีรับทราบถึงแนวคิดคณะกรรมการฯ
"ที่ประชุม ยังได้หารือถึงหลักการเดิมที่เคยประกาศไว้ ไม่ใช่การพูดลอยๆ...การชุมนุมโดยสันติสามารถทำได้ การเคลื่อนย้ายการชุมนุมต้องปราศจากอาวุธ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อประชาชน และผู้ชุมุนม แต่หากไม่มีเคลื่อนย้ายจะดีที่สุด เพราะสุ่มเสี่ยงจะเกิดความรุนแรง หากมี เจ้าหน้าที่ต้องจัดระเบียบการชุมุนม ต้องมีขั้นตอน ชี้แจงกับผู้ชุมุนมเพื่อป้องกันความรุนแรงเกิดขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" พ.อ.สรรเสริญ กล่าวให้
โฆษกกองทัพบก กล่าวยอมรับว่า 2-3 ประเด็นที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบ คือ นำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาสู่การปรับปรุงรายงานนายกฯ รับทราบว่าหากมีการยืดเวลาการแถลงนโยบายแล้ว ปัญหาอาจจะไม่บานปลาย และเชิญนักวิชาการ สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้หลุดตามกระแส และให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ที่เกิดขึ้นเหตุ ถึงการบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ชุมุนมเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยต่างๆ
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--