เอแบคโพลล์ เผยหลังเกิดเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว กลุ่มคนคอการเมืองให้คะแนนความชอบธรรมของรัฐบาลเพียง 4.37 จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนความพอใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีมีเพียง 4.60 ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)มีเพิ่มขึ้นมากกว่าพรรคพลังประชาชน(พปช.) ขณะที่สัดส่วนของผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ, ผู้ไม่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ที่อยู่ตรงกลางมีสัดส่วนเท่าๆ กัน
"หลังเกิดเหตุปะทะวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่ากลุ่มคนคอการเมืองที่ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกวันหรือเกือบทุกวัน ให้คะแนนความสง่างามและความชอบธรรมของรัฐบาลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.37 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน มีความหมายว่า ค่อนข้างน้อย และความพอใจต่อท่าทีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เฉลี่ยอยู่ที่ 4.60 มีความหมายว่าค่อนข้างน้อย" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ระบุในเอกสารเผยแพร่
เมื่อจำแนกฐานสนับสนุนพรรคการเมืองจากกลุ่มคนที่เคยตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งก่อน พบว่า พรรคใหญ่สองพรรคยังคงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนนิยมศรัทธาเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม คือ คนเคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 86.8 ยังคงสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ คนเคยเลือกพรรคพลังประชาชนร้อยละ 84.3 ยังคงสนับสนุนพรรคพลังประชาชน แต่ที่น่าจับตามองคือ คนเคยเลือกพรรคอื่นๆ หันมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เกือบ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 30.5 และไปสนับสนุนพรรคพลังประชาชนร้อยละ 23.3 ขณะที่ยังคงสนับสนุนพรรคอื่นๆ ร้อยละ 46.2 เท่านั้น เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากคนที่เคยเลือกพรรคอื่นๆ กำลังเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ปะทะ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
สำหรับการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชน ผลสำรวจพบว่า ประชาชนถูกแยกออกเป็นกลุ่มสนับสนุนพันธมิตรฯ กลุ่มไม่สนับสนุนพันธมิตรฯ และกลุ่มที่ขออยู่ตรงกลางหรือพลังเงียบมีสัดส่วนเท่าๆ กันคือ ร้อยละ 34.0 สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ, ร้อยละ 34.8 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 31.2 ขออยู่ตรงกลาง
"สภาวะเช่นนี้เป็นสภาวะที่ทุกๆ ฝ่ายต้องให้ความสำคัญต่อปรากฏการณ์ของการแบ่งกลุ่มเป็นสามก๊ก สามฝ่ายแบบที่ไม่ค่อยจะปรากฏให้เห็นในการสำรวจที่ผ่านๆ มา" นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ ได้สำรวจความคิดเป็นจากกลุ่มคนคอการเมืองใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,667 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 11-18 ต.ค.ที่ผ่านมา