นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ มีมติว่า การลงนามในสัญญา หรือข้อผูกพัน ของกระทรวงหรือส่วนราชการใด ที่จะมีผลผูกพันระหว่างประเทศ ให้นำส่งเรื่องให้รัฐสภา พิจารณาเห็นชอบก่อนทุกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลเกรงว่า การอนุมัติให้มีการลงนามในสัญญาใดๆก็ตามที่มีผลผูกพันระหว่างประเทศ จะก่อให้เกิดผลเสียหาย ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ดังเช่น ที่เคยอนุมัติแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร ก่อนหน้านี้
นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานกับประธานรัฐสภา เพื่อขอเพิ่มระยะเวลาการประชุมสภาฯ อีกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรืออย่างน้อย 2 สัปดาห์ 1 ครั้ง ตามแต่ความเหมาะสม เพื่อให้มีเวลาพิจารณาประเด็นต่างๆ ที่ครม. จะส่งเรื่องให้รัฐสภาพิจารณา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190
"ครม.กังวลต่อการอนุมัติ ว่าจะไปเข้ากับวรรคใด วรรคหนึ่งใน ม.190 วันนี้ จึงมีมติตรงกันว่าจากนี้ไปการพิจารณากรณีเกี่ยวกับต่างประเทศไม่ว่ากระทรวงใด ให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาก่อน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ดังเช่นกรณีประสาทพระวิหาร" นายณัฐวุฒิ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า การดำเนินการดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อความคล่องตัว และความฉับไว ในการตัดสินใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แต่เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 จึงจำเป็นต้องมีมติดังกล่าว