นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น กรณีศึกษาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 18 จังหวัดของประเทศ จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 3,880 ตัวอย่าง ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-22 ตุลาคม 2551 พบข้อมูลวิจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 63.2 คิดว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชั่นด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรื่อง ประชาชนกินดี อยู่ดี ก็ยอมรับได้ ในขณะที่ร้อยละ 36.8 ไม่ยอมรับแนวคิดเช่นนี้
ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกเมื่อจำแนกประชาชนออกตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ พบว่า ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพ และรายได้ ต่างก็มีแนวคิดทัศนคติในเชิงยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่นถ้าทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดี อยู่ดี
โดยผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นชายร้อยละ 64 หญิงร้อยละ 62.6 ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น และเมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่า ร้อยละ 54.5 ของตัวอย่างที่อายุต่ำกว่า 20 ปี, ร้อยละ 59.6 ของคนที่อายุระหว่าง 20-29 ปี, ร้อยละ 65.2 ของคนอายุ 30-39 ปี, ร้อยละ 67.7 ของคนอายุ 40-49 ปี และร้อยละ 64.2 ของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป มีทัศนคติยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น
แต่เมื่อจำแนกตามระดับการศึกษาพบว่า คนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไปยอมรับรัฐบาลทุจริตน้อยกว่าคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี แต่ก็ยังเกินครึ่งคือร้อยละ 52.2 ของคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญยาตรี
และหากจำแนกตามอาชีพแล้ว พบคนไทยทุกอาชีพอาชีพส่วนใหญ่เกืนกว่าร้อยละ 60 ที่มีทัศนคติยอมรับรัฐบาลทุจริต ยกเว้นกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีอยู่ร้อยละ 53.3 ที่ยอมรับการคอร์รัปชั่น แต่ร้อยละ 46.7 ไม่ยอมรับ และเมื่อจำแนกตามระดับรายได้พบ่าประชาชนทุกชั้นรายได้จอมรับรัฐบาลที่ทุจริต
"หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่งชะล้างปัญหาทุจรริต ทำความสะอาดบ้านของสังคมไทยในช่วงนี้ ก่อนที่จะแตกสลายในอนาคตอันใกล้ ยากที่จะเยียวยา เพราะประชาชนส่วนใหญ่กำลังยึดมั่นและมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องของตนเป็นสำคัญมากกว่าจิตสำนึกถึงความเสียหายที่จะเกิดตามมาต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง"นายนพดล กล่าว