นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ เปิดเผยว่า การนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น จะต้องรอให้คำพิพากษาในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ถึงที่สุดก่อน ซึ่งหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายในวันที่ 20 พ.ย. หรือยื่นแล้วศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์
โดยขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีที่พำนักเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ประเทศใดระหว่างจีนหรือฟิลิปปินส์ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถูกทางการอังกฤษเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศ ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจใช้ประเทศจีนเป็นที่พำนักชั่วคราว ก็ต้องดูสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับจีนว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างจากของประเทศอังกฤษหรือไม่
"หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วัน ก็ต้องดูว่าอยู่ประเทศไหน แต่ถึงไม่ทราบที่อยู่ กระบวนการก็ไม่หยุด โดยต้องประสานให้ตำรวจรีบค้นหาข้อมูลและแจ้งให้ทราบ" นายศิริศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์เช้านี้
ด้านนายถาวร พานิชพันธุ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่า คณะทำงานอัยการยังเดินหน้าเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย แม้รัฐบาลอังกฤษจะเพิกถอนวีซ่าแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน แล้วก็ตาม จนส่งผลกระทบต่อการยื่นเรื่องขอประสานตัวบุคคลทั้ง 2 เนื่องยังไม่ทราบที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ทั้งนี้ล่าสุดได้ให้คณะทำงานอัยการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาหลักฐานรายละเอียดที่อยู่ใหม่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ชัดเจน ก่อนเรียกประชุมคณะทำงานอัยการเพื่อหาช่องทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นๆ ในการขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
รองอัยการสูงสุด ยืนยันว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาคณะทำงานอัยการได้ทำงานอย่างหนักในการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะประสานกับต่างประเทศในการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยให้ได้