ทนายความของนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ผู้ต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตการออกโฉนดที่ดิน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค.51 ให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2551 มาตรา 278 วรรคสาม
ทั้งนี้ ศาลฎีกาฯ ได้สำเนาคำอุทธรณ์ส่งให้อัยการสูงสุดซึ่งเป็นโจทก์ได้รับทราบเพื่อแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนา ตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในข้อ 7 ระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ. 2551
ก่อนหน้านี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ ได้เลือกผู้พิพากษา 5 คน เป็นองค์คณะทำหน้าที่พิจารณาคำอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อสรุปสำนวนเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ ว่า อุทธรณ์ของผู้ต้องคำพิพากษานั้นชอบด้วยระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ จะรับไว้พิจารณาหรือไม่
ด้าน นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดี กล่าวว่า อัยการได้รับสำเนาอุทธรณ์ของจำเลยจากศาลฎีกาฯ แล้ว และได้ทำแก้อุทธรณ์รวม 4-5 ประเด็นส่งกลับไปยังศาลฎีกาฯ ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคำแก้อุทธรณ์ได้ในขณะนี้ และหลังจากนี้ต้องรอฟังคำสั่งศาลฎีกาฯ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร