นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามสถานการณ์ความรุนแรงและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รายงานผลการตรวจสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า การสลายฝูงชนที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพของประชาชน
เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวสามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ช่องทางอื่นที่จะเข้าไปในรัฐสภา หรือประธานรัฐสภาวินิจฉัยเลื่อนวันประชุม หรือ ย้ายสถานที่ประชุม
"กรรมาธิการฯ เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงการขาดดุลยพินิจและความไม่เหมาะสมของการใช้อาวุธสลายการชุมนุม นอกจากนี้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บยังฝ่าฝืนต่อหลักสากลในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ และขัอต่อแผนกรกฏ 48" นายสมชาย กล่าว
ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค.51 เพื่อให้รัฐบาลสามารถแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาได้ตามกำหนด ดังนั้น รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
"เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติข้ามขั้นตอนโดยไม่เจรจาต่อรองเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลับใช้กระสุน แก๊สน้ำตา และระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง รวมถึงกระสุนยางจำนวนมาก ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขัดต่อหลักการตามปฏิญญาสากล และเป็นการกระทำเกินความจำเป็น เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน" นายสมชาย กล่าว
สำหรับมาตรการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตของรัฐบาลนั้น กรรมาธิการฯ เห็นว่าแม้รัฐบาลจะมีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 56 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การช่วยเหลือและขอบข่ายของสถานการณ์ที่ควรได้รับการเยียวยา มาตรการดังกล่าวยังไม่เหมาะสม เป็นธรรม และมีความกังวลว่าการดำเนินการอาจกระตุ้นให้เกิดการใช้ความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต กรรมาธิการฯ จึงจะติดตามและตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ วุฒิสภามีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ 3 ชุด เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ประกอบด้วย คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามสถานการณ์ความรุนแรงและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง, คณะอนุกรรมาธิการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ จากเหตุการณ์หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ในคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ในคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล