นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลียถูกฝ่ายค้านโจมตีว่าเป็นผู้บ่อนทำลายความสัมพันธ์กับสหรัฐจากกรณีที่มีการปล่อยให้ข้อมูลการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช รั่วไหลออกไปยังสื่อต่างๆ
โดยนายมัลคอล์ม เทิร์นบูล หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของออสเตรเลียกล่าวว่า นายรัดด์และคณะทำงานเป็นผู้ที่ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐหมดความไว้วางใจในออสเตรเลีย หลังจากที่ข่าวการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ซึ่งนายรัดด์เสนอให้มีการจัดประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ G-20 เพื่อรับมือกับวิกฤตการเงินทั่วโลก แต่รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีบุชกลับไม่รู้จักกลุ่มประเทศ G-20 ได้รั่วไหลออกไปอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ The Weekend Australian เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเทิร์นบูลซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีนิยมหัวอนุรักษ์เมื่อ 2 เดือนที่แล้วกล่าวว่า การกระทำของผู้นำออสเตรเลียทำให้เราไม่สามารถเชื่อใจได้ว่าเขาจะสามารถเก็บความลับในการสนทนากับผู้นำประเทศที่ทรงอิทธิพลของโลกได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจส่งผลให้ผู้นำของประเทศอื่นๆหมดความเชื่อถือในตัวผู้นำออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี แม้นายเควิน รัดด์จะถูกฝ่ายค้านโจมตี แต่เขายังคงได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนอย่างท่วมท้น นับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา โดยผลสำรวจคะแนนนิยมของนิวส์โพลล์ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ระบุว่า คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 65% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน