นายยืนหยัด ใจสมุทร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พ.ย.จะมอบให้คณะทำงานเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดียุบพรรคพลังประชาชน
พรรคได้เตรียมคำชี้แจงยาวกว่า 100 หน้า โดยมีรายละเอียดที่สำคัญหลายประเด็น เช่น ข้อต่อสู้ทางกฎหมาย โดยจะอ้างถึงรัฐธรรมนูญธรรมนูญ มาตรา 237 วรรคสองบัญญัติว่าในการกระทำความผิดหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคต้องมีส่วนรู้เห็นกับผู้สมัครด้วย แต่กรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ต.ค.50 ในขณะนั้นนายยงยุทธยังไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ฉะนั้น ความผิดของนายยงยุทธ จึงไม่ตรงกับที่กฎหมายรัฐธรรมนุญระบุ
รวมทั้งจะนำคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งที่ระบุถึงคดีนายยงยุทธ ไม่มีผลผูกพันไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ผูกพันกับพรรคพลังประชาชน รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคคนอื่น ดังนั้น ความผิดของนายยงยุทธ จึงเป็นความผิดเฉพาะบุคคล ไม่มีผลผูกพันไปถึงพรรค ประกอบกับความเห็นของอัยการสูงสุดที่เห็นว่าหากกรรมการคนใดของพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายยงยุทธก็ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย
นอกจากนี้ทางพรรคจะยังอ้างในคำชี้แจงถึงแผนบันได 4 ขั้นของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ในขณะนั้น เพราะมีการระบุว่าจะต้องกำจัดพรรคการเดิมที่กลายมาเป็นพรรคพลังประชาชนให้ได้
สำหรับพยานบุคคลนั้นทีมกฎหมายได้ยื่นกรรมการบริหารทั้ง 37 คน เพราะเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับพรรค แต่ศาลจะนัดสืบพยานทั้งหมดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งการยื่นพยานที่เป็นกรรมการบริหารพรรคหมดทุกคนไม่ได้เป็นการยืดระยะเวลาการไต่สวนให้ทอดยาวออกไป เพราะถึงอย่างไรกระบวนการไต่สวนคดียุบพรรคกว่าจะแล้วเสร็จคงใช้เวลากว่า 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีพยานที่เป็นกำนันใน จ.เชียงราย อีก 8-9 คนที่เคยออกมา ระบุว่านายยงยุทธ ไม่มีส่วนรู้เห็นในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และอดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าในที่สุดพรรคจะสามารถชี้แจงและหลุดพ้นในคดีดังกล่าวได้ เนื่องจากพรรคมีข้อมูลหลักฐานทั้งจากระเบียบคำสั่งของพรรคที่ได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า ห้ามส.ส.ของพรรคกระทำการทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้ง อีกทั้งในกรณีข้อกล่าวหาดังกล่าวคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต จึงไม่ต้องรับผิดชอบจากการกระทำใด ๆ เพราะเป็นเความผิดเฉพาะบุคคล
แต่หากในที่สุดพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค ก็จะมี ส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทยแน่นอน รวมทั้งจะมีส.ส.จากพรคการเมืองอื่นย้ายมาอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ตนได้เข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของการร่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีการติดต่อประสานมาในเบื้องต้น ซึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมดก็จะเป็นการต่อยอดนโยบายของพรคพลังประชาชนหรือพรรคไทยรักไทย เพื่อไม่ได้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไม่ตายไปกับการยุบพรรค
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่บาฮามาสนั้น ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณทักษิณไม่มีแนวคิดดังกล่าว เข้าใจว่ากรณีนี้เกิดเป็นข่าวขึ้นมาเนื่องจากนายกรัฐมนตรีบาฮามาสได้เพียงแต่เสนอความเห็นผ่านสื่อมา แต่ความเป็นจริงยังไม่ได้มีการประสานหรือเป็นความเคลื่อนไหวจากฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปก็ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตัดสินใจอย่างไร