โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้หมดยุคที่จะถามหาการปฏิวัติหรือรัฐประหารเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมือง เนื่องจากสังคมโลกไม่ให้การยอมรับ และจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้บ้านเมืองบอบช้ำมากไปกว่านี้
"คำว่าจะมีปฏิวัติหรือไม่ ไม่น่าจะเป็นคำถามของสังคมในยุคปัจจุบัน ขอให้มั่นใจว่าไม่น่าจะมี เนื่องจากผู้บัญชาการหลักๆ ย้ำอยู่ตลอด และวันนี้ต้องเรียนจริงๆ ว่า เราอยู่ในสังคมโลก โลกเป็นโลกาภิวัฒน์ เศรษฐกิจไทยฟุบตรงนี้ ที่จริงแล้วพื้นฐานดี แต่ฟุบเพราะเหตุการณ์ทางการเมืองไม่นิ่ง" พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หากมีการปฏิวัติหรือทำรัฐประหารเกิดขึ้นอีกจะทำให้สถานการณ์ภายในประเทศแย่ลงไปกว่านี้ เพราะจะถูกสังคมภายนอกจะกดดันและปิดกั้นมากยิ่งขึ้น
"เราเป็นต้นแบบที่ดีในยุคสงครามเย็น ที่เปลี่ยนจากรัฐที่ปกครองโดยเผด็จการมาสู่รัฐประชาธิปไตย และแก้ไขปัญหาสงครามเย็นได้ ไม่มีนานาชาติที่ไหนจะปล่อยให้เรากลับไปสู่เผด็จการอีกรอบแน่ หรือถ้าเป็น ก็จะมีสถานภาพแย่กว่าพม่าอีก" พล.ท.พีระพงษ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในวันที่ 23 พ.ย.นั้น โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารยังคงดูแลสถานการณ์ตามปกติ เพราะหน่วยงานที่จะดูแลรักษาความสงบนั้นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ คงจะมีการสั่งการกันออกมาอีกครั้ง โดยเหล่าทัพเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกลไกลของรัฐ และขอบเขตการทำหน้าที่ของทหารจะอยู่ภายใต้คำสั่งของรัฐบาลอีกทีหนึ่ง