นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรียังคงยืนยันที่จะบริหารราชการแผ่นดินต่อไป โดยจะไม่ลาออกจากตำแหน่งตามข้อเรีกยร้องของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
"นายกฯ ยืนยันว่าเป็นนายกฯ ของประชาชนในรัฐบาลที่มาจากประชาชน ฉะนั้นหากจะพ้นจากตำแหน่งต้องเป็นไปตามวิธีการตามระบอบประชาธิปไตย และตามกฎหมายที่กำหนด นายกฯ จะไม่ตัดสินใจทางการเมืองด้วยแรงกดดันของการเคลื่อนไหวนอกระบบ" นายณัฐวุฒิ กล่าวในการแถลงข่าวที่พรรคพลังประชาชน
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลยังยึดหลักการสันติวิธี ไม่ใช่ความรุนแรง และหวังที่จะแก้วิกฤตการเมืองขณะนี้ แม้ว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวละเมิดรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลถือว่าทุกคนเป็นคนไทย ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องคำนึงถึงเหตุผล คำนึงถึงทางออกร่วมกัน แต่ยืนยันว่า ใครทำผิดกฎหมายจะไม่ได้รับข้อยกเว้นเพราะบ้านเมืองนี้ยังเป็นนิติรัฐ
แม้กลุ่มพันธมิตรฯ จะสร้างแรงกดดันด้วยวิธีการที่หลากหลาย แต่ไม่ได้เป็นกระบวนการภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และกรอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยขอฝากไปยังแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า สิ่งที่ท่านกระทำอยู่นี้ เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพและเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยถึงการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จังหวัดเชียงใหม่ปลายปีนี้ เนื่องจากร่างข้อตกลงยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จึงกังวลว่าจะขับเคลื่อนบทบาทอาเซียนให้เป็นไปอย่างสง่างามจะทำได้อย่างไร
"ได้มีโอกาสสนทนากับนายกฯ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับจากประเทศเปรู โดยนายกฯ ห่วงใยในสถานการณ์และความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือความวุ่นวายในประเทศและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยกำชับให้ยึดสันติวิธี" นายณัฐวุฒิ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้ทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการยึดรถโดยสาร การตัดน้ำตัดไฟ การทำร้ายเจ้าหน้าที่ โดยให้ตำรวจดูคำสั่งของศาลปกครองว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวานนี้มีช่องทางในการดำเนินคดี หรือดำเนินการตามคำสั่งศาลอย่างไร
"แกนนำพันธมิตรประกาศว่าเป็นการเคลื่อนไหวขั้นแตกหักเป็นหนังม้วนเดียวจบ วันนี้เป็นวันที่สามของการเคลื่อนไหวแล้วถามว่าจบม้วนหรือยัง หากจบม้วนเราจะได้เริ่มม้วนใหม่ด้วยการฟื้นฟูแก้ปัญหาความบอบช้ำในประเทศ จะได้เดินทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปี 2552 ซึ่งทั่วโลกตระหนักจะแก้ปัญหาร่วมกัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว
การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศชัยชนะในการเคลื่อนไหวนั้นเป็นของแกนนำพันธมิตรฯและกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน แต่เป็นความเสียหายร่วมกันของประเทศไทย คนไทยไม่สามารถที่จะสร้างแรงเสียดทานให้กับรัฐบาลยุติการบริหารราชการแผ่นดินได้ นอกจากนี้ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะไปปิดล้อมกองบัญชาการกองทัพไทยนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของฝ่ายทหารและเคยใช้เป็นสถานที่ประชุม ครม.ตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แม้การประชุม ครม.วันพรุ่งนี้(26 พ.ย.) ยังไม่มีข้อสรุปจะใช้สถานที่ใด โดยขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่
"สถานที่ที่มีความพร้อมจัดประชุม ครม.มีมากมาย หากพันธมิตรฯ จะตามไปปิดล้อมตลอดเวลา รัฐบาลคงไม่มีหน้าที่หลบหนีตลอดเวลา ที่สุดแล้วก็ต้องมีการประชุม ครม.ต่อไป ต้องดูหัวใจของพันธมิตรฯ" นายณัฐวุฒิ กล่าว