นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 17.00 น.-20.00 น.วันนี้ และจะไม่ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมว่าจะไปลงที่สนามบินใด คาดว่าจะใช้สนามบินใกล้กับกทม. แต่คงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
"ยืนยันว่าวันนี้นายกฯ เดินทางกลับถึงประเทศไทยแน่นอน แต่ไปมีปัญหาขัดข้องทางเทคนิคที่สนามบินเปรู ดังนั้นกำหนดการเลยต้องขยับมาจากเดิมอีก 6-7 ชั่วโมง คาดว่าคงถึงช่วง 5 โมง-2 ทุ่ม จะเป็นช่วงที่นายกฯ กลับถึงไทย"โฆษกรัฐบาล ระบุ
และกล่าวเสริมว่า"พอนายกฯ ทราบว่ามีผู้ชุมนุมไปที่สุวรรณภูมิ ดังนั้นเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งและไม่ให้เกิดความวุ่นวายจึงเปลี่ยนพื้นที่จอด ไม่มีการใช้สนามบินสุวรรณภูมิแต่จะใช้จังหวัดใกล้เคียง แต่เป็นจังหวัดใดนั้น เพื่อความสะดวกและความสงบเรียบร้อยจะขอให้เป็นการภายใน"
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีตามที่ได้เคยนัดหมายไว้เป็นตอนบ่ายวันนี้นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ดังนั้นจึงถือว่ายังใช้กำหนดการเดิมนี้อยู่ ส่วนนายกรัฐมนตรีภายหลังจากเดินทางกลับแล้วจะนัดหมายประชุมหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนรวมถึงสถานที่ที่จะใช้ประชุมคณะรัฐฒนตรีด้วยเช่นกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่พิจารณาหากมีการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้อาจหยิบยกกฎหมายที่จะใช้ดูแลสถานการณ์บ้านเมือง 3 ฉบับขึ้นมาพิจารณาว่าจะประกาศใช้หรือไม่อย่างไร ซึ่งต้องอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกฎอัยการศึก
"กฎหมายแต่ละฉบับจะมีลักษณะเฉพาะ มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน แต่ข้อเท็จจริงแล้วภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับสนามบินนานาชาติของประเทศถูกยึด และเป็นข่าวปรากฎความเสียหายในแง่ภาพลักษณ์และความเชื่อถือไปทั่วโลกนั้น จริงๆ ไม่ต้องมีกฎหมายอะไรเพิ่ม แค่ใช้กฎหมายเดิมที่มีเพียงแต่ทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย" นายณัฐวุฒิ ระบุ
พร้อมมองว่า ปัญหาวันนี้ไม่ใช่ไม่มีกฎหมายที่จะจัดการกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เพราะฉะนั้นแม้จะออกกฎหมายอีกกี่ฉบับก็ตาม แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ก็จะทำให้กฎหมายเป็นเพียงกระดาษที่เปื้อนหมึกเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ยังไม่มีการตอบสนองจากฝ่ายกองทัพแม้หลายหน่วยงานจะทำหนังสือขอความช่วยเหลือให้ทหารเข้ามาดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังจากที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถรับมือได้นั้น นายณัฐวุฒิ ระบุว่า สถานการณ์เช่นนี้ไม่อยากจะคิดหรือตีความหมายเป็นอย่างอื่น เพียงแต่เห็นว่าถ้าทหารมีจิตสำนึกต่อภาพพจน์และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองก็ควรต้องออกมาช่วยดูแลสถานการณ์
"เข้าใจว่าฝ่ายทหารคงกำลังเตรียมการอยู่ ผมคงไม่คิดเป็นอย่างอื่นในช่วงเวลานี้ เพราะถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ผลดีผลเสียกับรัฐบาล ต้องมองให้ชัดว่าเป็นผลดี ผลเสียกับบ้านเมืองอย่างไร แต่มันไม่มีผลดี มีแต่ผลเสียหายและร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายทหารถ้าคำนึงถึงความเสียหาย ความบอบช้ำที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง ผมว่าจิตสำนึกพื้นฐานต้องมีอยู่ และผมเชื่อว่าฝ่ายผู้นำเหล่าทัพจะต้องแสดงออกเพื่อควบคุมสถานการณ์ วันนี้จะบอกว่าควบคุมดูแลเพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ควบคุมดูแลเพื่อไม่ให้ทำรุนแรง แต่มีการยึดสนามบินได้นี่ผมว่าไม่ใช่แล้ว" โฆษกรัฐบาล กล่าว