ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับพวกรวม 7 ราย ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 90, 91 และ 86 กรณีร่วมกันออกแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเผยแพร่ไปทั่วประเทศ ทำนองว่าโจทก์หลบหนีอาญาแผ่นดิน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นผี และรัฐบาลในขณะนั้นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อมุ่งหวังช่วยเหลือทางคดีให้โจทก์เดินทางกลับประเทศไทย
หลังจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีนี้แม้ขณะจำเลยที่ 1-6 ร่วมจัดทำแถลงการณ์พิพาท โจทก์จะยังไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา หรือแม้ต่อมาเมื่อถูกฟ้องอาญา ศาลจะพิพากษาว่าไม่ผิดในทางอาญา แต่เรื่องแสดงในตัวว่ามีเหตุให้น่าสงสัย อันสมควรมีมูลอันควรเชื่อ และมีมูลความจริง ถึงพฤติการณ์ขณะที่โจทก์เป็นนายกรัฐมนตรี จะได้ดำเนินการนโยบายไปในทางผิดวิสัยไม่โปร่งใส จำเลยที่ 1-6 ในฐานะประชาชนที่ประกาศชื่อว่าเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันทำแถลงการณ์พิพาท วิจารณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ได้ แต่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และประชาชนส่วนรวมเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือส่วนได้ส่วนเสียตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรม
ส่วนที่ว่าโจทก์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เป็นผี จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ต้องถือตามความรู้สึกของคนธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือความรู้สึกของของโจทก์ที่อ้างว่าเสียหาย ข้อความที่แสดงให้เห็นหนัก เบา และความหมายอันเท็จจริง แม้เป็นการใช้ถ้อยคำเกินเลยบ้างย่อมถือได้ว่าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ยังอยู่ในความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 อนุ 1 และ 3 จึงฟังไม่ได้ว่า พวกจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งใส่ร้าย ใส่ความโจทก์ คดีจึงไม่มีมูลตามฟ้อง
จำเลยทั้ง 7 ราย ได้แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสุริยะใส กตะศิลา และบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด
นอกจากนี้ ในตอนท้ายของคำพิพากษาศาลได้ระบุด้วยว่า บุคคลมาศาลต้องมาด้วยมือสะอาด วิธีแผลงปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองไม่ว่าฝ่ายใด เพื่อหวังผลเอาอำนาจศาลยุติธรรมไปใช้ให้มีผลให้ได้รับชัยชนะกันในทางการเมืองไม่ได้ก่อเกิดผลดีต่อประเทศชาติ