พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้ช่วยโฆษกในการปฏิบัติการตามประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้ากำกับดูแลการปฏิบัติการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้มอบนโยบายแก่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติการกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยคำนึงถึงเมตตาธรรม เนื่องจากผู้ชุมนุมเป็นคนไทยเหมือนกัน
"ยืนยันว่าการปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นตามขั้นบันไดจากเบาไปหาหนัก ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมชาติ"พล.ท.พีระพงษ์ กล่าว
แม้การดำเนินการของกลุ่มผู้ชุมนุมจะหวังดีต่อชาติ แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่เป็นผลเสียตามมาต่อเศรษฐกิจและชื่อเสียงของประเทศชาติ เนื่องจากต่างชาติมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกักตัวชาวต่างชาติไว้เป็นประกัน ซึ่งเข้าลักษณะการก่อการร้ายสากล แต่จุดยืนของรัฐบาลให้ถือว่าการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมเกินเลยกว่าขอบเขตของกฎหมายไทยที่จะยอมรับได้เท่านั้น
พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ต่อจากนี้อาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพราะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงเหมือนการปฏิบัติการกับโจรก่อการร้ายที่ยึดสนามบิน โดยเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา
"เรื่องนี้ตำรวจคงจะทำได้ เพราะเป็นหน่วยงานหลักตามสากล ทหารจะเป็นกำลังเสริมกรณีที่จำเป็น ถ้าใช้ทหารจะดูน่ากลัว เพราะทหารถูกฝึกแต่ต่อสู้กับศัตรู" โฆษกกลาโหม ระบุ
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.โกวิท ได้มอบนโยบายให้ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.), รอง ผบ.ทบ., เสนาธิการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.), ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไปประชุมทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติงานอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการได้ทันที ทั้งนี้จะมีการประเมินสถานการณ์การปฏิบัติงานเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ดี พล.ท.พีระพงษ์ ยังปฏิเสธข่าวที่ว่าทหารเกียร์ว่างโดยนิ่งเฉยไม่ยอมทำหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศจากเหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ เข้าไปบุกยึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง โดยยืนยันว่าทหารพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่