โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ทราบข้อเท็จจริงของรายงานข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาอยู่ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อติดตามสถานการณ์การเมืองของไทย เนื่องจากขณะนี้ไม่สามารถติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เพียงแต่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางออกจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ไปแล้ว
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกของพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เคยได้ยินว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาและไม่เคยได้ยินว่ามีแนวคิดจะไปร่วมลงทุนธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในประเทศกัมพูชาด้วย
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะแถลงปิดคดียุบ 3 พรรคการเมืองในวันที่ 2 ธ.ค.นั้น นายพงศ์เทพ เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญลุกลนมากที่เร่งตัดสินคดียุบพรรคโดยเร็ว เหมือนกับที่เคยเร่งปิดคดีชิมไปบ่นไปของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เร็วกว่าปกติ ในขณะที่บางคดีที่ต้องเร่งกลับดำเนินการล่าช้า เช่น การพิจารณากฎหมายผลประโยชน์ทับซ้อน หรือกฎหมาย 7 ชั่วโคตร ที่เพิ่งชี้ขาดไปหลังคดีนายสมัคร ไม่นาน ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงสามารถพิจารณาได้เร็ว
นายพงศ์เทพ ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษา กล่าวว่า โดยหลักการพิจารณาของศาลจะต้องให้คู่ความนำเสนอข้อมูล ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ในการตัดสินคดีที่จะได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน และให้คู่ความเกิดความสบายใจว่าศาลรับฟังคู่ความไม่มีการตั้งธงไว้ก่อน โดยเฉพาะคดียุบพรรคครั้งนี้กระทบกับบุคคลมากมาย และเป็นคดีที่มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมาก
ประกอบกับ กรรมการบริหารพรรคที่ได้รับผลกระทบจาการตัดสินคดีดังกล่าวยื่นขอเป็นคู่ความร่วมด้วย จึงต้องใช้พยานบุคคลพอสมควรเข้ามาชี้แจง แต่ศาลกลับรีบแถลงปิดคดี ตรงนี้เรียกว่าเป็นการให้โอกาสคู่ความอย่างเป็นธรรมแล้วหรือ และตามหลักกฎหมายแล้วจะต้องตัดสินคดีโดยไม่มีอคติ ถ้าศาลฯไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ เราก็ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน