ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนก็จะส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น จึงเห็นว่า ส.ส.จะต้องร่วมกันเข้าชื่อเพื่อขอเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้สภาพิจารณาเลือกบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าในการประชุม 4 ฝ่าย ระหว่าง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ตัวแทนนายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านฯได้มีมติจะให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญในวันที่ 8-9 ธ.ค.นี้เพื่อให้รัฐสภาอนุมัติกรอบข้อตกลงในการประชุมอาเซียนซึ่งตนคิดว่าอาจช้าเกินไปไม่ทันกับสถานการณ์
“ในการขอเปิดสภาสมัยวิสามัญนั้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา129 เปิดช่องให้ ส.ส.เข้าชื่อจำนวนหนึ่งในสามของสองสภารวมกัน ดังนั้น ในการประชุมพรรควันพรุ่งนี้(2ธ.ค.)จะได้ให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนได้ร่วมลงชื่อขอเปิดวิสามัญฯ อย่างไรก็ตามจะได้ประสานไปยังประธานวิปรัฐบาลเพื่อประสานไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้ร่วมกันลงชื่อร่วมด้วย ทุกอย่างจะต้องเตรียมพร้อมไว้ เพื่อยื่นรายชื่อต่อประธานรัฐสภา ได้ทันที"ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ในพรรค ยังไม่มีการหารือว่าจะเสนอใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข และ ส.ส.สัดส่วนของพรรค มีความเหมาะสมที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้
ส่วนกระแสสังคมที่อาจคัดค้าน ร.ต.อ.เฉลิม นั้น วันนี้อาจจะดูเร็วไป แต่ต้องมาแก้ไขสถานการณ์ข้างหน้าก่อน ไม่ต้องมองต้นทุน ต้องมองอย่างเดียวว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศได้และต้องเป็นคนกล้าตัดสินใจ เพราะหากไม่เร่งแก้ปัญหาประเทศอาจจะพังหนักกว่านี้
"ต้นทุนไม่ต้องสูง แต่ต้องแก้ปัญหาประเทศได้ ถ้าเอาคนขี่มา ฟันดาบไม่เป็น ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ ฉะนั้นจำเป็นต้องเอา อัศวินแบบไอเวนโฮเป็นคนกล้าคิด กล้าทำ กล้ารับผิดชอบ มีประสบการณ์ สามารถประสานทั้งทหารและตำรวจได้"พ.ต.ท.สมชาย กล่าว และระบุว่า ยังต้องรอมติที่ประชุมพรรคและขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาฯ ในการลงมติ