นายวิทยา บูรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้งหมดเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังจากที่พรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคในพรรคร่วมรัฐบาลถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พรรคได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ยุบพรรคไว้แล้ว ด้วยการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อเตรียมยื่นญัตติเสนอให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยจะมีหารือประเด็นดังกล่าวกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะใช้โอกาสที่เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันแรก 8 ธ.ค.เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายใน 30 วันหลังจากคนเดิมพ้นจากตำแหน่ง
นายวิทยา พร้อมด้วยส.ส.พรรคพลังประชาชน(พปช.) 20 คน แถลงว่า เสียใจมากกับการตัดสินยุบพรรค พปช.แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกยอมแพ้ เพราะไม่สามารถยอมรับผลที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเป็นการปฏิวัติที่ผิดไปจากเดิมที่ทหารเป็นผู้ปฏิวัติรัฐประหาร แต่ครั้งนี้กลายมาเป็นตุลาการฯ
ทั้งนี้ ส.ส.กว่า 200 ชีวิตที่ไม่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งจะย้ายไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทยด้วยกัน และจากที่ได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนเมื่อวานนี้ต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้เราจะแตกแยกไม่ได้ ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ เพราะถ้าแตกแยกกันจะไม่มีประชาธิปไตยอีกต่อไป
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรค พปช. กล่าวว่า ผลตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ไม่สามารถเรียกหาความเป็นธรรมได้ แต่เรามีจุดยืนที่มั่นคงว่าจะเดินด้วยกันไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์
"วันนี้พวกเรามาจากการเลือกตั้ง วิญญาณของคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่จบสิ้น ถึงจะทำลายตรงไหน เราจะยึดมั่นในเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน พวกเราพร้อมจะเดินต่อไป พันธมิตรฯ เป็นพวกเกเรไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง ขอเรียกร้องพันธมิตรฯให้เคารพกติกาบ้านเมืองด้วย พวกผมเคารพและไม่ต้องการเอากฎหมู่เหนือกฎหมาย ผมจะยึดกติกาตามรัฐธรรมนูญ 50 ฉะนั้นพันธมิตรฯ ต้องทบทวนตัวเอง อย่าไปมากกว่านี้เลย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินนายกฯ สมชาย หลุด พวกคุณก็ต้องออกจากสนามบินได้แล้ว" นายบุญจง กล่าว