นักวิชาการ-นักธุรกิจเชื่อการเมืองไม่เปลี่ยนขั้ว วิกฤตการเมืองกลับมาอีก

ข่าวการเมือง Thursday December 4, 2008 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิชาการและนักธุรกิจชี้โอกาสที่การเมืองจะเกิดการเปลี่ยนขั้วนั้นเป็นไปได้ยาก เหตุขั้วอำนาจเก่ายังคงผนึกกำลังกันเหนียวแน่นเพื่อสืบทอดระบอบทักษิณ ส่งผลให้ภาพลักษณ์รัฐบาลใหม่หนีไม่พ้นความเป็นนอมินี ซึ่งจะเป็นมูลเหตุทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองปะทุขึ้นมาอีกครั้ง โดยเสนอทางออกให้ถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อสยบความขัดแย้งทั้งปวง

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองการเมืองไทยในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้ยากมากที่จะเกิดการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ในทางกลับกันจะยิ่งเป็นการจับขั้วกันอย่างเหนียวแน่นขึ้นในฟากรัฐบาล เพราะถือว่าร่วมเผชิญโชคชะตากรรมจากการถูกยุบพรรคมาด้วยกัน ดังนั้นรัฐบาลน่าจะยังเป็นขั้วการเมืองเดิมโดยมีพรรคเพื่อไทยที่มีบรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชน ย้ายเข้าสังกัดเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

"ฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย ถ้าเป็นคนอื่นคงจะยุบสภาหรือลาออกไปแล้ว แต่นี่เขาทำเพื่อต้องการปกป้องระบอบทักษิณ ดังนั้นปัจจัยนี้จะเป็นตัวกำหนดสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป อีกทั้งคะแนนเสียงในซีกนี้ก็เกินประชาธิปัตย์อยู่แล้ว โอกาสที่จะเปลี่ยนขั้วคงมีน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ตัวแปรสำคัญอยู่ที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน" นายสมชาย กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"

แต่ทั้งนี้ยังมีโอกาสที่สถานการณ์ดังกล่าวอาจพลิกผัน คือ กระแสกดดันจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล แต่เชื่อว่าคงมีโอกาสเป็นไปได้น้อย สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้อง คือระบบการเมืองใหม่ที่ปราศจากผลประโยชน์ ต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ แต่เป็นคนละความต้องการกับพรรคชาติไทย เพราะการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อพรรคชาติไทย ดังนั้นพรรคชาติไทยกับพลังประชาชนจำเป็นต้องกอดคอกันให้แน่นต่อไป

อาจารย์จากรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากให้เป็นทางออกแก่บ้านเมืองในขณะนี้ แต่เชื่อว่าแรงกดดันสำคัญขณะนี้อยู่ที่เกมทางการเมืองซึ่งพรรคที่เป็นทายาทของพลังประชาชนยังคงมีเสียงข้างมาก การมีรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับแรงกดดันต่อพรรคเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้หัวใจสำคัญของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ประเทศชาติ แต่อยู่ที่ความอยู่รอดของระบอบทักษิณ ซึ่งคงไม่ยอมให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือเปลี่ยนขั้วแน่นอน ดังนั้นขณะนี้การเมืองไทยคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แค่เพียงเว้นช่วงการเผชิญหน้าชั่วคราวเท่านั้น

สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น นายสมชาย มองว่า ภาพลักษณ์คงไม่หนีจากการเป็นนายกรัฐมนตรีนอมินี เป็นบุคคลที่จะช่วยรักษาและปกป้องระบอบทักษิณและความอยู่รอดของพรรคไว้ได้ ซึ่งคงมีโอกาสเป็นไปได้ตามรายชื่อ 4-5 คนที่เป็นข่าวอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ขณะนี้ อย่างไรก็ดี ความกดดันรอบด้านอาจทำให้อายุของรัฐบาลอยู่ได้ไม่นานนัก ท่ามกลางมรสุมจากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่หลายฝ่ายรอดูการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

"การมีรัฐบาลนอมินีเป็นการทำการเมืองจากข้างบนลงสู่ข้างล่าง เช่น สามีให้ภริยามาเล่นการเมือง ระบบแบบนี้อันตรายมาก นักการเมือง 220 กว่าคนมีปัญหา แนวโน้มนักการเมืองรุ่นใหม่จะดีกว่า แต่ถึงอย่างไรคงล้างไพ่ไม่หมด เพราะรุ่นเก่ายังมีอิทธิพลกับรุ่นใหม่อยู่" นายสมชาย กล่าวในท้ายสุด

ขณะที่ นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายการเมืองและกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ ยอมถอยคนละก้าวเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จึงไม่มีควรมาจากขั้วพรรคการเมืองเดิมอีกเพื่อไม่ให้ปัญหาเดิมกลับมา

ทั้งนี้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ ส.ส.จะต้องยอมเสียสละ ไม่มีการแบ่งโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีจากพรรคแกนนำ หรือพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแต่รัฐมนตรีควรมาจากบุคคลภายนอก ตัวแทนจากทุกภาคส่วน เช่น นักวิชาการ อดีตข้าราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ส่วน นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งเชื่อว่า ส.ส. 400 คน คงยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อม เข้าได้กับทุกภาคส่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรเป็นคนประนีประนอมและทำงานเพื่อชาติ

ส่วน ส.ส.ควรกลับมาทำหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 50 ในส่วนที่มีปัญหา แต่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนจะแก้ไขกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน และอดีตกรรมการบริหาร 3 พรรคการเมือง 109 คนหรือไม่ คงต้องพิจารณาความเหมาะสมว่าทั้งหมดนี้มีส่วนในการกระทำผิดหรือไม่

แต่เชื่อว่าทั้งหมดหากดำเนินการแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในเวลา 1 ปี -1 ปีครึ่ง แล้วยุบสภามีการเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่าปัญหาต่างๆ จะยุติลง และมีรัฐบาลใหม่ที่สมบูรณ์

"หาก 6 พรรคการเมืองขั้วเดิมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าปัญหาก็เหมือนเดิม เห็นได้ว่าบริหารประเทศมา 2 ครั้ง ก็ไม่สามารถดูแลประเทศได้ ถึงเวลาที่จะพิจารณาตัวเองแล้ว...หากให้พรรคประชาธิปัตย์มาตั้งรัฐบาล เชื่อว่าฝ่ายเสื้อแดงก็คงไม่ยอมอีก...หากทุกคนถอยก็น่าจะดี อยากให้ทุกคนทำงานเต็มที่ ทำเพื่อชาติ" นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า หากจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็ยังมีตัวแทนจากแต่ละพรรคการเมือง ปัญหาก็ไม่ยุติลงได้ ดังนั้นควรจะถวายคืนพระราชอำนาจให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่จะทำให้รัฐธรรมนูญทั้งหมดต้องยุบทิ้งแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่กังวลว่า อาจจะกลายเป็น ส.ส.ร.3 อีก

นายกสมาคม ATTA แสดงความเป็นห่วงปัญหาการเมืองในประเทศ หลังจากที่สื่ออังกฤษจัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศอันตรายอันดับ 7 ของโลก อันสะท้อนถึงการขาดความเชื่อมั่นในการเดินทางเข้าไทย เพราะถูกมองว่าไทยขาดเสถียรภาพ รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการได้ และกฎหมายไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดของประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ