นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน พร้อมตัวแทน ส.ส.ทั้งหมด 37 คน ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ขณะนี้ ส.ส.ในกลุ่มยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองใดหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากยังมีเวลาพิจารณา โดยยืนยันการตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดนั้นจะยึดหลักเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง นอกจากนี้ยังเสนอให้บุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ อย่างไรก็ตาม ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่ได้ปฎิเสธว่าจะไปพรรคเพื่อไทยหรือไม่
"การไปอยู่พรรคใด อยู่ระหว่างการตัดสินใจ แต่บุคคลที่เสนอชื่อมา พวกเราพร้อมพิจารณา แต่ต้องเป็นบุคคลที่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อบ้านเมืองน้อยที่สุด แต่เราก็ไม่ปฏิเสธว่าจะไปอยู่เพื่อไทย แต่ห่วงบ้านเมืองมากกว่าเรื่องอื่นๆ" นายบุญจง กล่าว
นายบุญจง กล่าวว่า ส.ส.ทั้ง 37 คน พร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยจะโหวตรับให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเมื่อถึงเวลาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่ายังมีสิทธิที่จะลงคะแนนโหวตได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าสังกัดพรรคการเมืองใดเลยก็ตาม
นอกจากนี้ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่มีการติดต่อทาบทามให้ไปเข้าพรรคภูมิใจไทยตามที่เป็นข่าว และปฏิเสธไม่มีการทุ่มเงินซื้อตัว ส.ส.ในกลุ่มถึง 40 ล้านบาทเพื่อให้ไปสังกัดพรรคการเมืองหนึ่ง
ทั้งนี้ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนทางการเมืองว่า จากการประมวลข้อมูลและเหตุการณ์ต่างๆ ขณะนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ไม่ปกติทางการเมือง ดังนั้นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต้องระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการสร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยเข้าสู่ภาวะเสี่ยงทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดังนั้น ทางกลุ่มฯ จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ขณะนี้ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษทางการเมืองการปกครอง และมีแต่ ส.ส.ที่จะนำพาประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้ การแก้ปัญหาโดย ส.ส.จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาทั้งหมด ซึ่งประชาชนทุกสาขาอาชีพกำลังจับตา มองดูอยู่ จึงอยากเสนอให้ ส.ส.ทุกคนพิจารณาตัดสินใจใดๆ โดยคำนึกถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
บุคคลที่จะเสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนานาชาติ ที่กำลังจับตาการแก้ปัญหาของประเทศ และต้องไม่สร้างเงื่อนไขที่เสี่ยงต่อการสูญเสียการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และไม่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าของคนในชาติ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายรุนแรง
ทางกลุ่มฯ จึงขอสงวนสิทธิที่จะดำรงไว้ซึ่งเอกสิทธิของ ส.ส.ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยคำนึกถึงการรักษาไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และระบบรัฐสภา โดยยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย และยึดมั่นประชาชนเป็นหัวใจในการทำงาน และในสถานการณ์พิเศษ หากไม่หันหน้าหากันเพื่อแก้ปัญหาชาติ ไม่นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม จะเป็นการผลักประเทศชาติและประชาชนเข้าสู่วิกฤติอีกครั้ง และทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ ทางกลุ่มจึงต้องเลือกแนวทางที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แก้วิกฤติชาติ
การตัดสินใจทางการเมืองครั้งนี้อาจจะถูกตำหนิแต่พร้อมน้อมรับ เพื่อให้ประเทศชาติพ้นวิกฤติ และขอยืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ส.ส. แต่ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ส่วนตน ท้ายที่สุดขอดำเนินการตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับทุกคน และจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง