นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเสนอให้พรรคประชาธิปตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น เป็นไปได้ยากมาก รวมถึงกระแสข่าวที่มีความพยายามจะผลักดันนายชวนให้เป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายอภิภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากในระบบพรรคโดยหลักต้องยกย่องหัวหน้าพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ติดประเด็นหล่านี้ เพราะเคยพูดเสมอว่า ถ้าจำเป็นอะไรก็ไม่ต้องติดระบบพรรคเสมอไป
"อย่าพึ่งไปห่วงเรื่องตัวบุคคล เราคิดในโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนขั้วเป็นไปได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามีนักการเมือง มีความเห็นสอดคล้องอย่างนั้น ซึ่งยอมรับว่ามีส.ส.ในพรรคพลังประชาชนเดิมที่สนิทด้วยอยากเปลี่ยนแปลงแต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่คงไม่ได้คิดเรื่องนี้" นายชวนกล่าว
นายชวนให้ความเห็นว่าการเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคล้ายในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่นายชวนต้องขึ้นมาเป็นนายกฯแทน ทำยากมาก และสถานการณ์ในขณะนั้นต่างกัน แต่ความคล้ายกันคือ มีวิกฤตขณะนี้เกิดขึ้นภายนอก ภายใน แต่ในปี 40 เกิดจากวิกฤตภายใน พล.อ.ชวลิตประกาศชัดเจนว่า ประเทศเหมือนคนไข้จะตายแล้วจึงได้ประกาศลาออก ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ มีเสียงน้อยกว่ารัฐบาลเพียง 2 เสียงเท่านั้น แล้ววันนั้นประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลนั้นแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลก็เข้ามาร่วมกับประชาธิปัตย์ โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องไปวิ่งเต้นหรือหว่านล้อม ทุกคนหันเข้ามาอยากขอให้พรรประชาธิปัตย์มาแก้วิกฤต
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นทำได้ง่ายกว่าปัจจุบัน และปัจจุบันเสียงของพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ แตกต่างกันมาก แต่ก็ทราบดีว่า มีคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ซึ่งเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าจะทำให้ได้จริงคงเป็นไปได้ยาก
นายชวน กล่าวว่า บ้านเมืองขณะนี้อยู่ในช่วงของความสับสน แต่ก็เริ่มก้าวเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้น โดยเฉพาะฝ่ายตุลาการที่พิจารณาคดียุบพรรค ซึ่งก็รู้สึกเห็นใจที่คนทำผิดเพียงคนเดียวต้องถึงขั้นยุบพรรค แต่กฎหมายเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราต้องยกย่องศาลเพราะไม่มีทางตัดสินเป็นอย่างอื่น ซึ่งเป็นตัวที่ชี้ให้เห็นว่า เราต้องเคารพกฎหมายในอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งทุกอย่างจะเข้าสู่ครรลองตามกติกาอย่างตรงไปตรงมา การซื้อเสียงโกงเลือกตั้งก็จะอยู่ภายใต้การตรวจสอบ ไม่อย่างนั้นก็จะย้อนเข้าสู่วัฎจักรโกงเลือกตั้งหาเงินมาซื้อเสียง
"เราต้องยอมรับว่า นี้คือประสบการณ์หนึ่งของประเทศที่ไม่เคยมีมาก่อน ในอดีตอุปสรรคสำคัญของการเมืองคือการปฎิวัติยึดอำนาจ แต่ต่อมาทหารความหนักแน่นยึดแนวทางประชาธิปไตยเคารพกฎเกณฑ์ ซึ่งสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางบวก แต่คนไทยยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการใช้เงินเลือกตั้ง เพราะพึ่งปรากฎในช่วง 6-7 ปีที่ผ่าน ตอนนี้เรารู้แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร"นายชวน กล่าว