สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจความเห็น พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ 42.40% เครียดทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจพอกัน เพราะทั้งสองเรื่องมีความสำคัญใกล้เคียงกัน หากการเมืองจะดีไม่ดีย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง และยังรู้สึกว่าประเทศชาติในขณะนี้เสื่อมถอยลงอย่างมาก
ขณะที่อีก 29.86% บอกว่าเครียดเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า เพราะกระทบต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันอย่างมาก ความเป็นอยู่แย่ลง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ เครื่องใช้มีราคาแพง แต่รายได้ลดลง ปัญหาคนตกงานว่างงานมากขึ้น
ส่วนอีก 18.53% เครียดเรื่องการเมืองมากกว่า เพราะนักการเมืองขัดแย้งรุนแรงจนส่งผลในทางลบต่อภาพพจน์ของไทย ทำให้ประชาชนแตกแยก แตกความสามัคคี เห็นได้จากสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนที่แย่ลง และ 9.21% ไม่เครียด เพราะรู้สึกเคยชินจนกลายเป็นความเบื่อไปแล้ว
ส่วนวิธีแก้ไขความเครียดของคนไทยส่วนใหญ่ 33.35% หากิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ 27.64% หลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับการเมือง ไม่ดูข่าว ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ และ 17.10% ปล่อยวาง ไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น
และความเห็นว่าใครที่สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 51.11% ไม่แน่ใจ เพราะทั้ง 2 พรรคใหญ่มีทั้งกลุ่มประชาชนที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ แบ่งเป็น 2 ขั้ว ยังมีปัญหาการสลับขั้วทางการเมืองที่ยังไม่ลงตัว นักการเมืองส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนหน้าเดิมๆอยู่ กลัวว่าจะมีพฤติกรรมเหมือนกับที่ผ่านมาอีก
37.59% เห็นว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ เป็นทางเลือกใหม่หลังจากที่พรรคพลังประชาชนไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ ภายในพรรค มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหลายท่าน เป็นพรรคที่น่าจะมีความพร้อมมากที่สุดในขณะนี้ ได้รับการยอมรับจากประชาชนเป็นส่วนใหญ่
และ 11.31% เป็นพรรคเพื่อไทย (พลังประชาชน) เพราะ ชื่นชอบพรรคนี้ ควรให้โอกาสในการพัฒนาประเทศชาติ มีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลมาแล้วน่าจะเข้าใจปัญหาต่างๆได้ดี ฯลฯ
สำหรับสิ่งที่คนไทยอยากฝากบอกนักการเมืองในวันนี้ อันดับแรก 30.92% ให้เร่งแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง รองลงมา ให้ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต หยุดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ควรนึกถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ