นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย(มัชฌิมาธิปไตย) เปิดเผยว่าที่ รมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมาพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดันแม้จะถูกกระแสสังคมมองว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะมานั่งเป็น รมว.พาณิชย์ จากโผรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่ออกมาล่าสุด
ทั้งนี้ มั่นใจว่าที่ผ่านมามีประสบการณ์บริหารงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวมาก่อน แต่จุดอ่อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะยิ่งเป็นแรงผลักในการทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ดี ทีมงานที่ปรึกษานั้นมีพร้อมแล้ว แต่คงจะให้รายละเอียดหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ เป็นที่แน่นอนแล้ว
นางพรทิวา ยังกล่าวถึงกลุ่มเพื่อนเนวินด้วยว่า หากต้องการตัดสินใจมารวมอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ก็ยังพอมีเวลา
อนึ่ง นางพรทิวา เป็นภรรยาของนายอนุชา หรือ "เสี่ยแฮงค์" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คนสนิทของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย
นางพรทิวา มาจากครอบครัว ต.ตระกูล ทำธุรกิจบันเทิงครบวงจร"โพไซดอน" และมีประสบการณ์บริหารด้านอสังหาริมทรัพย์ จบการศึกษาระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ บริหารสาธารณะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจและสาธารณะ สำนักบริหารระดับสูง วิทยาลัยการเมืองการปกครองสถาบันพระปกเกล้า
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีแล้ว นางพรทิวา กล่าวว่า ทางพรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอนโยบายเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทยให้แก่นายอภิสิทธิ์ เพื่อรวบรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงรายชื่อในโผ ครม.แต่อย่างใด
"ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อ ซึ่งท่าน(นายกรัฐมนตรี) ได้ให้กำลังใจและให้โอกาสในการทำงาน" นางพรทิวา ระบุ
พร้อมกันนี้ ยังเปิดเผยรายชื่อทีมงานบางส่วนหากได้ นั่งในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ เช่น นายอุตมะ สาวนายนต์ หนึ่งในทีมงานเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นอกจากนี้ยังมีระดับ CEO จากบริษัทพรานทะเล จำกัด และบริษัทซีพี ด้วย และเชื่อว่าหลังจากที่เปิดรายชื่อทีมงานแล้ว น่าจะทำให้ภาคเอกชนสบายใจและมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ด้านนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) มีสีหน้าไม่สู้ดีนักหลังจากเข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเรื่องตำแหน่งเพียงสั้นๆว่า ไม่ขอพูดจนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา
โดยล่าสุด มีกระแสข่าวว่าตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ในโผรายชื่อคณะรัฐมนตรีตามโควต้าของพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น อาจจะถูกปรับไปเป็นของนายประสงค์ โฆสิตานนท์ แทน