นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและปฏิรูปการเมืองได้สำเร็จเรียบร้อยแล้วก็พร้อมจะคืนอำนาจให้แก่ประชาชนด้วยการยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ แต่คงไม่ขอกำหนดระยะเวลาที่ตายตัว
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เห็นด้วยกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ออกมาระบุว่าภายใน 2 เดือนคงจะทราบว่ารัฐบาลจะทำงานอยู่ต่อได้หรือไม่ เพราะหากยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเอง
"เราไม่สามารถตอบได้ว่า รัฐบาลจะมีอายุแน่นอนเท่าไร เพราะยังมีภารกิจที่ต้องเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรื่องการปฏิรูปการเมือง และคงไม่มีประโยชน์ที่จะมากำหนดเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี แต่ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม ถ้าสถานการณ์กลับไปอยู่ในภาวะที่เหมาะสม ก็ควรจะคืนอำนาจให้ประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่ตำรวจนครบาลออกมาระบุว่าอาจต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์บางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 28-29 ธ.ค.นั้น นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในวันดังกล่าวจะผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งเรื่องนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
รวมถึงมาตรการของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมทุก 6 ชั่วโมง หากจะมีการระดมมวลชนเข้ามาในกทม. ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยให้สามารถประเมินสถานการณ์และคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้
นายกรัฐมนตรี ยังไม่ห่วงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.52 นี้ว่าจะทำให้พรรคฝ่ายค้านได้รับคะแนนเสียงเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดภาวะเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ โดยยังมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และถือว่ายังอยู่ในวิสัยที่สามารถควบคุมได้