กระทรวงการต่างประเทศอินเดียออกแถลงการเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปปากีสถาน เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศตึงเครียดหนักนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีนครมุมไบเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากรัฐบาลอินเดียกล่าวโทษว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีชาวปากีสถานเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ปากีสถานระบุว่ามีชาวอินเดียร่วมมือในเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ด้วย
รัฐบาลอินเดียเรียกร้องให้ปากีสถานใช้มาตรการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวในนครมุมไบเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนายปรานาบ มัคเฮอร์จี รมว.ต่างประเทศอินเดียกล่าวว่า ที่ผ่านมามีหลักฐานยืนยันมากพอว่า ชาวปากีสถานเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ พร้อมกล่าวว่า การเจรจาแบบอลุ่มอล่วยไม่ใช่แนวทางการแก้ไขที่ถูกจุด แต่ปากีสถานต้องใช้มาตรการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่าชาวปากีสถานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบโจมตีนครมุมไบเมื่อวันที่ 26-29 พ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 164 คน ขณะที่รัฐบาลปากีสถานให้คำมั่นสัญญาว่า จะร่วมมือด้านการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ พร้อมกล่าวปกป้องว่า ไม่มีหลักฐานใดๆที่ยืนยันว่าชาวปากีสถานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานซึ่งเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทั้งคู่นั้น บาดหมางกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศประกาศอิสรภาพในปีพ.ศ.2490 โดยเฉพาะในเรื่องการชิงดินแดนแคชเมียร์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็อ้างความเป็นเจ้าของ
โซเนีย คานธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรอินเดียเตือนว่า "ปากีสถานไม่ควรมองนโยบายสันติภาพของอินเดียเป็น 'จุดอ่อน' จริงอยู่ที่เราพยายามสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน แต่เราขอเตือนว่า อินเดียจะตอบโต้ทุกประเทศที่โจมตีดินแดนอินเดียและเรายืนยันจะต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายจนถึงที่สุด" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน