นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยื่นถอดถอนยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการดำเนินการของข้าราชการประจำ
"เป็นเรื่องของฝ่ายที่จะดำเนินการ ทำไปตามระเบียบ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
วันนี้ พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย(ผบก.วน.) ออกมาเปิดเผยว่า กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ได้ตรวจสอบกรณีการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ซึ่งเข้าเงื่อนไของค์ประกอบตามระเบียบของ สตช.ว่าด้วยการถอดยศ พ.ศ.2547
ดังนั้น กองวินัย จึงเสนอเรื่องให้กองกำลังพลไปเมื่อวันที่ 5 ม.ค.52 เพื่อประมวลเรื่องเสนอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พิจารณาดำเนินการถอดยศตามกฏหมายต่อไป
และ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล ยืนยันว่า จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และขอเวลาประมวลเรื่อง 1-2 วัน เพื่อเสนอ ผบ.ตร.
ทั้งนี้พบว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเหตุในการถอดยศถึง 2 ข้อ คือ กรณีต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท และกรณีต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศของนายกษิต ภิรมย์ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้ว่ามีความผิดเมื่อครั้งไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็สามารถปรับเปลี่ยนตัวบุคคลได้