นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า มีการแบ่งกลุ่มการให้ความช่วยเหลือออกเป็น 9 กลุ่มผู้ประสบปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจ คือเกษตรกร กลุ่มท้องถิ่นและชุมชน กลุ่มคนว่างงาน กลุ่มคนทำงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบ กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำมีงานทำแต่เงินเดือนน้อย กลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนมาที่ไม่มีหลักประกันเรื่องรายได้ กลุ่มนักเรียนและผู้ปกครอง กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จะไม่ใช้รายการนี้เพื่อตอบโต้ทางการเมือง ซึ่งส่วนตัวทราบว่ามีความคิดเห็นที่หลากหลาย จึงมีความยินดีรับฟัง โดยบางคนบอกว่าลดแลกแจกแถมมากไปหรือไม่ แต่ตอนนี้ภาวะไม่ปกติ บ้านกำลังไหม้จะเสียดายน้ำดับไฟไม่ได้ และจากการศึกษาในหลายประเทศ ถ้าใช้มาตรการอื่นๆเช่นการลดหย่อนภาษี กว่าคนจะรู้สึกว่ามีเงินเพิ่มขึ้นก็สายไปแล้ว อีกหลายโครงการตนเองก็อยากทำ เช่น แหล่งน้ำ ถนนไร้ฝุ่น แต่กว่าจะประมูลจัดซื้อจัดจ้างมีการจ่ายเงินก็สายไปแล้ว จึงขอให้ผ่านครึ่งปีแรกนี้ไปก่อน
สำหรับการส่งออกของไทยที่โตขึ้นทุกปี แต่เมื่อปีก่อนลดลงถึงร้อยละ 17 ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมเนื่องการปัญหาการชุมนุม และการเลิกจ้างในโรงงานหลายแห่ง เมื่อธุรกิจฝืดเคือง คนมีรายได้น้อยลงก็ใช้จ่ายน้อยลง ทำให้ธุรกิจฝืดเคือง
ส่วนการที่เศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่ เพราะพืชผลการเกษตรต่างๆผูกพันกับราคาน้ำมัน ขณะนี้ราคาลดลงมาแล้วถึงครึ่งต่อครึ่ง ขณะนี้เศรษฐกิจโลกหดตัว ถ้าจะให้เศรษฐกิจไทยเดินได้ จะต้องไม่พึ่งพาต่างชาติ และจะต้องช่วยซึ่งกันและกัน โดยประชากรไทย 65 ล้านคนโดยประมาณถือเป็นตลาดใหญ่พอควร ถ้ามีการใช้จ่ายในประเทศก็จะบรรเทาได้ ถ้าผ่านครึ่งปีแรกของปีนี้โดยมีมาตรการและพี่น้องให้ความร่วมมือ เมื่อถึงครึ่งปีหลังอาจจะสิงหาคม กันยายน เศรษฐกิจโลกดีขึ้นก็จะเดินหน้าไปได้