นายกรัฐมนตรี ระบุกรณีที่รัฐบาลเร่งผลักดันงบประมาณลงไปถึงมือประชาชนจะไม่ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนเมื่อครั้งที่ต้องขอกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ในสมัยของรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ตามที่มีนักวิชาการออกมาวิจารณ์ เนื่องจากขณะนี้ประเทศมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงพอ อีกทั้งการดำเนินมาตรการต่างๆ รัฐบาลก็ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
"ไม่มี ได้ดูอย่างละเอียดรอบคอบ การนำเงินคืนสู่กระเป๋า ไม่ได้นำจากทุนสำรองที่มีอยู่" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงยาว่า รัฐบาลพร้อมให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) เดินทางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทารุณกรรมผู้อพยพชาวโรฮิงยา โดยขอให้มีการติดต่อประสานงานกับรัฐบาลโดยตรง
ซึ่งในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในวันพรุ่งนี้จะมีการหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาหารือด้วย ซึ่งจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปฏิบัติงานและดูแลปัญหาในเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการปล่อยปละละเลยให้มีแรงงานต่างด้าวเล็ดลอดเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้รัฐบาลจะนำปัญหาดังกล่าวไปหารือกับรัฐบาลพม่าในเวทีกรอบความร่วมมือ BIMSTEC
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธข่าวการทาบทาม พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.) เข้ามาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแทน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส่วนกรณีที่สั่งการให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เร่งสะสางคดีสำคัญเพราะมั่นใจว่ายังสามารถรื้อฟื้นคดีต่างๆ ได้ โดยไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายใครทั้งสิ้น
ส่วนการโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเหตุผลเพียงพอที่จะชี้แจงถึงการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีข่าวว่านายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ไม่ตอบสนองเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการภายในกระทรวงมหาดไทย หรือมาจากแรงกดดันจาก ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกระแสข่าวนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า เป็นความเข้าใจผิดเท่านั้น เพราะนายนิพนธ์ยังทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเลย