แม้วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 94 ต่อ 2 ให้นางฮิลลารี ร็อดแฮม คลินตัน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ต่อจากดร.คอนโดลิสซา ไรซ์ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ แต่รายชื่อคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังคงอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบจากวุฒิสภา รวมถึงซูซาน ไรซ์ ที่โอบามาเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งเอกอัคราชทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งหากผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ก็จะทำให้เธอกลายเป็นเอกอัครราชทูตผิวสีคนแรกของสหรัฐประจำยูเอ็น
วุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการลงมติรับรอง เอริค โฮลเดอร์ เป็นรมว.ยุติธรรม ออกไปประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากวุฒิสภาชิกจากพรรครีพับลิกันบางคนต้องการซักถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงประเด็นที่ว่าสมควรหรือไม่ที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐมีสิทธิใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
ด้านทิโมธี ไกธ์เนอร์ ซึ่งโอบามาหมายมั่นให้นั่งตำแหน่งรมว.คลัง ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในวุฒิสภา เนื่องจากไกธ์เนอร์มีชนักติดหลังเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีสมัยที่เขาทำงานให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในปี 2544-2547 แม้ไกธ์เนอร์ได้กล่าวคำขอโทษต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาเมื่อวานนี้ในกรณีที่เขาปล่อยปละละเลยการเสียภาษีมูลค่า 34,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์แสดงความรู้สึกเสียใจว่า การกระทำผิดในอดีตของเขากำลังส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่การงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศชาติกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันกล่าวว่า หน้าที่การตรวจสอบรมว.คลังจะเป็นของสำนักงานสรรพากร และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะความโปร่งใสเรื่องการชำระเงินภาษี
เมื่อวานนี้ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติรับรองรัฐมนตรี 7 คนแรกในรัฐบาลโอบามา ได้แก่ นายสตีเวน ชู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทอม วิลแซก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เจเน็ต นาโปลิตาโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เคน ซาลาซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เอริค ชินเซกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก อาร์เน ดันแคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และปีเตอร์ ออร์สแซก ผู้อำนวยการกิจการงบประมาณและการบริหารประจำทำเนียบขาว