พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตัวเอง ครอบครัว และประชาชนทั่วประเทศ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ พร้อมเตือนรัฐบาลให้ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ปัญหาขยายวงกว้างมากขึ้น
"วันนี้ความเป็นธรรมเป็นเรื่องสำคัญ การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อสู้ได้ตลอด ไม่ว่าจะต่อสู้บนสวรรค์หรือในนรกก็ต้องสู้ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมมาต่อสังคมไม่มีทางหยุด ผมไม่มีปัญหา แต่การที่ผมชนะการเลือกตั้งกลับกลายเป็นปัญหา" พ.ต.ท.ทักษิณ โทรศัพท์ทางไกล(โฟนอิน) ผ่านรายการของสถานีดีสเตชั่น
อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า หากต้องการให้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศยุติลงคืนความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย แล้วหันหน้าเข้าหากัน โดยสาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการกล่าวหาว่าตนเองไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้กลุ่มที่ออกต่อต้านตนเองพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายล้างโดยไม่สนใจกรอบกติกาของกฎหมาย
อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การใช้ชีวิตในต่างประเทศบางครั้งก็รู้สึกเหงา เนื่องจากไม่ได้อยู่กับครอบครัว แต่ยืนยันยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง โดยปัจจุบันได้เดินทางไปตามคำเชิญของประเทศต่างๆ เพื่อบรรยายเรื่องแนวทางแก้ปัญหาความยากจน การเชิญชวนนักธุรกิจจากตะวันออกกลางให้เข้ามาลงทุนในไทย และการเป็นนักท่องเที่ยวหาความรู้ในต่างประเทศเพื่อมาใช้เป็นแนวทางแก้ปัญหาความยากจนของไทยในอนาคต
อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเตือนให้รัฐบาลใช้งบประมาณในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้เม็ดเงินสามารถกระจายลงไปถึงมือประชาชน และการมีโครงการเมกะโปรเจ็คต์จะทำให้แก้ปัญหาได้เป็นระบบและครบวงจร ซึ่งหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ครบวงจรก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาอีกในภายหลัง "การมองปัญหาไม่ครบจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เหมือนที่บอกบ้านไฟไหม้รีบเอาน้ำรดแบบไม่ต้องเสียดาย ผลสุดท้ายจะไม่มีน้ำกิน น้ำมาหุงข้าว" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ยังไม่เห็นจุดต่ำสุด โดยต้องรอดูผลประกอบการของภาคเอกชนทั่วโลกในไตรมาสสุดท้ายของปี 51 ที่จะประกาศผลในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ รวมทั้งติดตามผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ที่จะประกาศในช่วงเดือน เม.ย.52 จึงจะสามารถคาดการณ์ได้จุดต่ำสุดของเศรษฐกิจอยู่ที่ใด ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน ก.ค.52