นายกรัฐมนตรียอมรับหนักใจเกี่ยวกับการสรรหาคนกลางเข้ามาช่วยทำงานเรื่องการปฏิรูปการเมืองตามที่ได้ตั้งใจไว้ เนื่องจากขณะนี้ความขัดแย้งในสังคมยังมีความรุนแรงอยู่ โดยเล็งมอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าเข้ามาช่วยทำงานดังกล่าว
"ผมก็พยายามหาคนที่ทำงานตรงจุดนี้ มันไม่ง่าย ผมได้ปรึกษากับทางวิปฝ่ายค้าน พอจะเสนอรายชื่ออีกคนก็เห็นว่าไม่ใช่ ไม่เหมาะสม ยาก แต่คิดว่าจะเดินหน้าต่อ ถ้าตัวบุคคลตกลงกันไม่ได้ก็คิดว่าสถาบันพระปกเกล้าน่าจะเหมาะสมที่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการปาฐกถาเรื่อง "รัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมและการบริหารประเทศในภาวะวิกฤติ" ของสถาบันพระปกเกล้า
ถึงแม้จะมีหลายฝ่ายออกมาคัดค้านการเดินหน้าปฏิรูปการเมืองก็ตาม โดยเห็นว่าไม่ควรเร่งรัดดำเนินการ แต่รัฐบาลเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตในบ้านเมืองได้ แม้จะใช้เวลานานกว่าวาระในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ก็จำเป็นที่จะเดินหน้าผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะยึดหลักการที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการละเว้นหรือการเลือกปฏิบัติ โดยจะพยายามหาคณะบุคคลเข้ามาช่วยสะสางปัญหาที่คั่งค้างอยู่ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นมีประเด็นทางการเมืองมาเกี่ยวข้องไม่สามารถที่จะพิจารณาในแง่คดีอาญาเพียงอย่างเดียว