นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังจากเดินทางกลับจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในวันอาทิตย์นี้ จะขอใช้เวลา 2-3 วัน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนจะมีการพิจารณาว่าต้องปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะขอดูผลการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ควบคู่กันไปด้วย
"ถ้าป.ป.ช.ชี้ หรือ กกต.ชี้ ก็แน่นอนอยู่แล้ว...หลังกลับจากดาวอสวันอาทิตย์ จากนั้น 2-3 วัน จะมีจุดยืน(การปรับครม.)ที่ชัดเจน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่คืนนี้นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในระหว่างวันที่ 30 ม.ค.-1 ก.พ.52
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะยึดแนวทางการพิจารณาเรื่องดังกล่าวตามหลัก 9 ข้อ ที่มอบให้แก่คณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ทั้งนี้รัฐบาลยินดีให้ทุกฝ่ายตรวจสอบและรัฐมนตรีทุกคนต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบจากสาธารณะชนได้อยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบพฤติกรรมของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่แนบนามบัตรส่วนตัวไปพร้อมกับการแจกเงินงบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ให้ผู้ยากไร้ที่ขอรับการสงเคราะห์ในจ.นครราชสีมา รวมทั้งได้เตรียมยื่นเรื่องดังกล่าวให้ กกต.ตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอาศยานสุวรรณภูมินั้น นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่าการออกร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่ทำขึ้นเพื่อมุ่งหวังจะดักคอกลุ่มคนเสื้อแดงหากจะมีการชุมนุมขึ้นในอนาคต แต่การออกกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลต้องการสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นแก่ต่างชาติว่าประเทศไทยมีมาตรการดูแลและป้องกันความปลอดภัยของสนามบินที่เข้มงวดขึ้น และจะไม่ให้เกิดปัญหาการปิดสนามบินดังเช่นที่ผ่านมาอีก
ส่วนที่มีการมองว่าบทลงโทษในกฎหมายนี้ยังไม่มีความเข้มงวดมากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเวลาที่ปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมายได้ ซึ่งยังมีขั้นตอนที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน