เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และ เมอร์ริล ลินช์ เชื่อสถานการณ์การเลือกตั้งในรัฐเประอาจทำให้รัฐบาลมาเลเซียละเลยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในประเทศในที่สุด
รัฐบาลผสมของมาเลเซียสามารถช่วงชิงเสียงในรัฐเประ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคฝ่ายค้านทางภาคเหนือของประเทศได้สำเร็จหลังมี ส.ส.ฝ่ายค้าน 3 คนแปรพักตร์ ส่งผลให้พรรคฝ่ายค้านพยายามเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลต้องหันไปแก้ปัญหาการเมืองแทนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
"ผมเชื่อว่าโพลล์หลายสำนักจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังทำผิดพลาดในการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยตอนนี้รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก" คริส โอห์ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน ระบุในรายงาน "เศรษฐกิจและตลาดหุ้นมาเลเซียจะเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักสุด"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในปีนี้ตลาดหุ้นมาเลเซียยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากที่ร่วงลงกว่า 39% เมื่อปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างหนักและวิกฤตการเงินที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลมาเลเซียคาดการณ์ว่าเสรษฐกิจประเทศจะขยายตัว 3.5% ในปีนี้ ซึ่งถือว่าขยายตัวช้าสุดในรอบ 8 ปี หลังวิกฤตเศรษฐกิจฉุดภาคส่งออกซบเซาหนัก
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนใช้มาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมีการประกาศงบประมาณช่วยเหลืองวดแรกมูลค่ากว่า 7 พันล้านริงกิต (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไปเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา