นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณาในกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.โดยกล่าวหา 3 รัฐมนตรีที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52
ทั้งนี้นายเรืองไกร ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.โดยกล่าวหา นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เนื่องจากเห็นว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 วรรค 2 ระบุว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้ารัฐมนตรีผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะเดียวกัน ห้ามรัฐมนตรีผู้นั้นออกเสียงลงคะแนนในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง หรือการมีส่วนได้เสียในเรื่องนั้น
โดยในคำกล่าวหาของนายเรืองไกร ระบุว่า การออกเสียงลงคะแนนดังกล่าวเข้าข่ายเป็นข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะเดียวกันออกเสียงลงคะแนนในการประชุมสภาฯ ครั้งนี้ อีกทั้งไม่ปรากฎว่ารัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่มีสถานภาพเป็นสมาชิกสภาฯ ได้ออกเสียงลงคะแนนด้วย จึงได้ขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ 3 รัฐมนตรีว่าการออกเสียงลงมติดังกล่าวเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 วรรค 2 หรือไม่
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้พิจารณาในคำกล่าวหาของนายเรืองไกร แล้วเห็นว่า คำกล่าวหาในลักษณะนี้จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในหมวด 12 ส่วนที่ 3 เรื่องการถอดถอดจากตำแหน่ง โดยให้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสภาฯ หรือประชาชนไม่น้อยกว่า 20,000 คนเข้าชื่อถอดถอน ดังนั้นการที่นายเรืองไกร ยื่นคำกล่าวหามานั้นจึงไม่อยู่ในอำนาจที่ ป.ป.ช.จะดำเนินการต่อไปได้ ที่ประชุมจึงมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณา