นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ยืนยันกรรมการบริหารพรรคไม่ได้มีปัญหาแตกคอกันตามที่เป็นข่าวกรณีที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคน แม้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรค จะออกมาระบุว่า ตอนนี้มีความพร้อมแล้ว แต่หลักในการปฏิบัตินั้นต้องรอให้ความเห็นทุกคนตกผลึกตรงกันทั้งหมดก่อน ข้อเท็จจริงต่างๆ ต้องมีกระบวนการตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้
ส่วนการคัดเลือกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่เมื่อถึงเวลาก็คิดว่าทางพรรคจะมีความพร้อมทุกอย่างแน่นอน
"เมื่อเงื่อนไขจำเป็นต้องทำตามนั้นพรรคเพื่อไทยก็พร้อม...ไม่ใช่ว่าวันนี้พรรคไม่พร้อม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องพร้อมทั้งหลักฐานและตัวบุคคลด้วย" นายวิทยา กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีผู้นำฝ่ายค้านฯ แน่นอน เรื่องนี้ไม่ได้เกินความสามารถ แต่สำคัญอยู่ตรงที่หลักฐานเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลมากกว่าเรื่องอื่น ส่วนที่ต้องยื่นญัตติในวันทื่ 11 มี.ค.นั้น เพราะฤกษ์ดี
"กลัวว่าท่านจะหนีไปก่อนการอภิปรายด้วยซ้ำ เพราะภาระมันเยอะ" นายวิทยา กล่าว
ขณะที่ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายฯ ในช่วงกลางเดือน มี.ค. เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไป ฝ่ายค้านควรมีเวลาในการเก็บข้อมูลที่นานกว่านี้ ข้อกล่าวหาในประเด็นการทุจริตนั้นก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรค พท.เสนอให้อภิปรายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีเจรจาเงินกู้จากญี่ปุ่นกว่า 63,000 ล้านเยนนั้น พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การตรวจสอบสามารถทำได้หลายช่องทาง ไม่ใช่แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น ยังสามารถยื่นผ่านช่องทางอื่นนอกสภาได้ด้วย เช่น การให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
อย่างไรก็ตาม หากมีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ส.พรรคได้เสนอรายชื่อมาหลายบุคคล ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม นายมิ่งขวัญ และตนเอง ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับมติพรรค ส่วนตัวรู้สึกยินดีที่สมาชิกพรรคเสนอชื่อตนเอง ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วตนเองไม่อยากเป็นนายกฯ แต่เห็นว่านายมิ่งขวัญมีความเหมาะสมมากกว่า แต่สุดท้ายหากมติพรรคออกมาอย่างไรก็พร้อมปฎิบัติตาม
พ.อ.อภิวันท์ ปฏิเสธข่าวคนในตระกูลชินวัตรเข้ามามีบทบาทในพรรคว่า สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ แต่ไม่ได้มีบทบาทในการตัดสินใจ ซึ่งเรื่องนี้ตนเองเคยพูดแล้วว่า แม้จะยังเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคก็ต้องมีระบบ มีความเป็นสถาบัน การตัดสินใจเรื่องใดในพรรคก็ต้องผ่านที่ประชุมพรรคเสมอ
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลหากฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดาในการถ่วงดุลและตรวจสอบ ยิ่งฝ่ายค้านเข้มแข็งรัฐบาลก็จะทำงานได้ดี ทำงานด้วยความโปร่งใส สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบและใช้แนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเห็นว่ารัฐบาลบริหารราชการส่อไปในทางทุจริตถือเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลมีหน้าที่ในการชี้แจง หากเข้าใจระบบรัฐสภาก็ต้องเคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน และรัฐบาลก็ไม่ควรตอบโต้ทางการเมืองแต่ควรใช้วิธีการชี้แจงจะดีกว่า
"รัฐบาลต้องทำงานอย่างสร้างสรรค์ เคารพการทำหน้าที่ของทุกๆฝ่าย เพราะการปฏิรูปการเมืองต้องเริ่มต้นที่รัฐบาล ดังนั้นการชี้แจงในประเด็นต่างๆ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่เห็นด้วยกับการใช้โวหารตอบโต้ซึ่งกันและกัน เพราะประชาชนจะเบื่อหน่ายและไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย หากชี้แจงไม่ได้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ถ้ารัฐบาลไม่ฉ้อฉลไม่ทุจริต ผมเชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้" นายอลงกรณ์ กล่าว