การเดินสายเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งประกอบไปด้วยญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และจีนนั้น นับเป็นโอกาสอันดีที่ นางฮิลลารี คลินตัน ได้นำนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาใช้ ซึ่งก็คือ การเจรจาอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับปัญหาที่อยู่ในขั้นวิกฤต และขอให้ประเทศพันธมิตรทั่วโลกช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้
ในการเยือนจีน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเยือนภูมิภาคเอเชีย นางคลินตันได้ผลักดันให้จีนซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่มีเป้าหมายส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และกล่าวด้วยว่า "สหรัฐและจีนจะขึ้นก็ขึ้นด้วยกัน ถ้าจะลงก็ลงด้วยกัน"
นอกจากนี้ คลินตันยังได้ยืนยันกับประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ด้วยว่า สหรัฐจะพยายามทุกวิถีทางในการสร้างเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน รวมถึงป้องกันอิหร่านไม่ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และผลักดันเกาหลีเหนือยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธ
บลูมเบิร์กรายงานว่า คลินตันกล่าวก่อนเดินทางจากจีนกลับสู่สหรัฐเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐมีเป้าหมายที่จะเข้าถึงทุกประเทศด้วยการใช้หนทางการทูตและการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา นั่นหมายความว่า ความพยายามที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน
ริชาร์ด บุช ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบันบรู๊คกิ้ง กล่าวว่า ประเทศพันธมิตรของสหรัฐทั่วโลกและโดยเฉพาะเอเชียได้เคยกล่าวไว้มาเป็นเวลาหลายปีว่า ต้องการให้รมว.ต่างประเทศสหรัฐเยือนต่างประเทศมากขึ้น และฮิลลารีก็ทำเช่นนั้น สิ่งที่สหรัฐได้ใช้นโยบายในเอเชียปีนี้ก็คือ บอกถึงสิ่งที่สหรัฐกำลังคิดและให้ความสนใจ ซึ่งนางคลินตันก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีมาก