นายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโสะ ของญี่ปุ่น ขึ้นทำเนียบเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่ได้เดินทางเยือนสหรัฐเพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่ทำเนียบขาว หลังจากที่นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของภารกิจเยือนทวีปเอเชียไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการตอกย้ำให้ทั่วโลกเห็นว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี เช่นเดียวกับที่สหรัฐมองว่าการรักษาความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศ และมีผลต่อประเด็นความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ การที่นางคลินตันเลือกเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในฐานะรมว.ต่างประเทศยังช่วยกรุยทางให้ผู้นำของญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศจะสามารถรักษาความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีที่แน่นแฟ้นต่อไปได้
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่าผู้นำทั้งสองจะหารือกันถึงประเด็นต่างๆ อาทิ วิกฤตเศรษฐกิจโลก ภาวะโลกร้อน การปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน และการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งในประเด็นหลังนี้สหรัฐเห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มแรงกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่า การเดินทางเยือนสหรัฐของนายอาโสะอาจช่วยให้กระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ไม่อาจช่วยให้ภาพลักษณ์ด้านบทบาทการเมืองของนายอาโสะดีขึ้นได้
โดยล่าสุดคะแนนนิยมของนายทาโร่ อาโสะตกต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่จัดทำโดยนสพ.อาซาฮี ชิมบุน ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 71% ต้องการให้นายอาโสะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด