นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยอมรับว่า การติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะแม้สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งคณะทำงานไปประสานงานที่ฮ่องกงแล้ว แต่ในท้ายสุดต้องขึ้นอยู่กับเอกสิทธิ์และการตัดสินใจของทางการฮ่องกงว่าจะดำเนินการอย่างไร
เนื่องจากไทยและฮ่องกงต่างไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งอาจต้องอาศัยแนวทางการถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในการช่วยเหลือกัน ประกอบกับอัยการยังมีข้อจำกัดอยู่มากในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
"ฮ่องกงไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็คงใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติช่วยเหลือกัน อัยการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกลางเท่านั้นไม่ใช่มีหน้าที่ไปชี้ตัวให้จับกุม"นายธนพิชญ์ กล่าวในรายการวิทยุเช้านี้
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะปาฐกถาพิเศษที่ฮ่องกงตามคำเชิญของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยใช้รูปแบบ VDO Phoneนั้น โฆษกอัยการสูงสุด ระบุว่า แม้ทางสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของฮ่องกงจะทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ VDO Phone มาจากที่ใด แต่ก็ถือเป็นสิทธิของสมาคมฯ ว่าจะร่วมมือด้วยการแจ้งข้อมูลให้แก่ทางการไทยทราบหรือไม่
ก่อนหน้านี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งคณะทำงานไปติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกงตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเดินทางกลับมาแล้วจะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานให้แก่นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ได้รับทราบ
ทั้งนี้คณะทำงานฯ ดังกล่าวที่ประกอบด้วยนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด และนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และกระทรวงการต่างประเทศมาโดยตลอด แต่บางครั้งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากเป็นเรื่องของการสืบสวนสอบสวน