นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คาดหวังว่าในวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.นี้ ทางสถาบันพระปกเกล้าจะรับเป็นองค์กรกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการปฏิรูปการเมือง เชื่อว่าระยะเวลาในการดำเนินการไม่ควรจะใช้เวลาถึง 3 ปี และแม้ว่ารัฐบาลจะหมดอายุการทำงาน ก็หวังกระบวนการปฏิรูปการเมืองก็จะยังสามารถเดินต่อไปจนนำไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริงได้
"ความหวังของผม เขา(สถาบันพระปกเกล้า)จะรับทำ ผมเชื่อว่าไม่ควรใช้ระยะเวลาถึง 3 ปี และถ้าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก็อยากให้กระบวนการตรงจุดนี้ เดินหน้าต่อไปได้" นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังปากฐถาพิเศษเรื่อง"การปฏิรูปการเมือง" ในงานวันนักข่าวประจำปี 2552 ค่ำวานนี้
ทั้งนี้ แนวทางในการปฏิรูปการเมือง นายกรัฐมนตรีอยากเห็นรัฐบาลมีอำนาจในขอบเขตที่จำกัด ไม่ควรมีอำนาจที่สุดโต่ง แต่มีภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองได้ และควรจะมีกระบวนการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ หวังจะมีส่วนช่วยผลักดันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลับไปสู่จุดเดิมที่นำไปสู่ความรุนแรงและอยากเห็นความสมานฉันท์ในประเทศเกิดขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าในส่วนตัวก็มีโมเดลการปฏิรูปการเมืองอยู่ในใจ แต่ไม่อยากแสดงความคิดเห็นเพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำ อย่างไรก็ดี หากมีการเร่งดำเนินการดีกว่าทำช้า แต่หากช้าแล้วคนยอมรับก็เป็นสิ่งที่ทำได้ สำหรับกรณีมาตรา 237 ที่ระบุเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองนั้นรัฐบาลต้องการให้คนกลางทำหน้าที่ปฏิรูปเป็นผู้ออกแบบว่าปรับเปลี่ยนแก้ไขอย่างไร ไม่ควรนำนักการเมืองมาร่วมคิด เพราะอาจไม่ได้รับการยอมรับ
ส่วนกรณีที่ต่างชาติหรือนักวิชาการ อยากให้ยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีแนวคิดจะยกเลิก แต่จะมีการปรับปรุงในส่วนบทลงโทษ ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือกับ พล.ต.ต.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) อยุ่