นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลจะดำเนินนโยบายในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง โดยมั่นใจการดำเนินนโยบายในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ให้ประเทศได้ความเสียหายตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุในช่วงที่โฟนอินมายังกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ชุมนุมกันที่ จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงค่ำวานนี้(8 มี.ค.) แม้การจัดเก็บรายได้ของรัฐจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่รัฐบาลจะพยายามรักษากำลังซื้อภายในประเทศไม่ให้หดตัวลง
"ผมยืนยันว่าเราจะทำงานด้วยความรับผิดชอบ ตัวเลขทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสและอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง" นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) รายงานว่า การจัดเก็บรายได้ภาครัฐในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552(ต.ค.51-ม.ค.52) ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ราว 7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปีงบประมาณ 2552 จะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ราว 1.1-1.3 แสนล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะไปขอกู้เงินจากต่างประเทศจำนวน 7 หมื่นล้านบาทนั้นถือเป็นความจำเป็น เพื่อนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไม่ให้ชะลอตัวลง และไม่ว่าใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องกู้เงินจากต่างประเทศเช่นกัน
"สมัยท่าน(ทักษิณ)อยู่ไม่ได้กู้เงินก็จริง แต่สิ่งที่ท่านทำไว้ให้ประชาชนกู้เยอะ ทำให้ประชาชนเป็นหนี้ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่คือการกู้เงินมาช่วยเหลือประชาชน และผมไม่เชื่อ(ว่าท่านจะไม่กู้เงิน) สิ่งที่ท่านทำไม่ได้เก็บเงินไว้ให้ผมมีใช้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ การขยายฐานภาษีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการหารายได้ แต่จะไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน หลังมีข่าวเตรียมจัดเก็บภาษีจากชาและกาแฟ
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะไม่ส่งผลกระทบไปจนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ แม้ตัวเลขที่ออกมาจะดูแย่ในทุกเรื่อง โดยมั่นใจรัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาได้