นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงเงินบริจาคจากบริษัทเอกชนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ 263 ล้านบาท โดยเชื่อว่าเงินบริจาคดังกล่าวนำไปใช้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการขับไล่รัฐบาลทักษิณ และนายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องไม่ได้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นนิติบุคคล เมื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน ก็ต้องรับผิดชอบทุกเรื่องภายในพรรค
จากนั้น นายสุนัยได้อภิปรายถึงปัญหาการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวงศึกษาธิการ โดยระบุว่ามีการล็อคสเป็กโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ให้วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ (สอศ.)ที่มีงบประมาณรวม 700 ล้านบาท ซึ่งมีการหลีกเลี่ยงการประมูลเป็นการทั่วไปเนื่องจากมีการกระจายงบให้มีขนาดไม่ถึง 2 ล้านบาท
นอกจากนั้น เลขาธิการสำนักงานอาชีวศึกษาได้ส่งหนังสือลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ถึงผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่ง พร้อมกับมีรายการจัดซื้อครุภัณฑ์เจาะจงลงไปชัดเจน ทั้งที่บางวิทยาลัยไม่ได้ต้องการครุภัณฑ์ดังกล่าว โดยกระบวนการครั้งนี้มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่ามีคนสนิทของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
จากนั้นนางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ชี้แจงว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวตั้งมาในสมัยนายศรีเมือง เจริญศิริ ดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ และหากพรรคเพื่อไทยมีหลักฐานเกี่ยกวับการทุจริตใดก็ขอให้ส่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้เลย เพราะงบประมาณนี้เป็นงบที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลังประชาชน
ด้านนางนาตยา เบ็ญจศิริวรรณ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่าในครอบครัวไม่มีบุคคลชื่อ ปัญญา และไม่เคยมีพฤติกรรมตามที่นายสุนัยกล่าวหา เพราะไม่คิดจะทุจริตด้านการศึกษา เพราะว่ากลัวบุตรของตนไม่ฉลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสุนัยอภิปราย มีการประท้วงเกิดขึ้นหลายครั้งจาก ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนายสุนัยอภิปรายพาดพิงว่านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัวจริง แต่ในที่สุดการอภิปรายของนายสุนัยก็ผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น