วุฒิสภาสหรัฐวางแผนที่จะลงคะแนนเสียงร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินโบนัส 90% กับพนักงานของบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) และบริษัทเอกชนรายอื่นๆที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในสัปดาห์หน้า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างท่วมท้นถึง 328 ต่อ 93 เสียง
วุฒิสภาเองมีข้อเสนอว่า บริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลจะต้องจ่ายภาษีเงินโบนัส 70% ซึ่งพนักงานและบริษัทจะต้องเป็นผู้จ่ายภาษีดังกล่าวฝ่ายละครึ่งหนึ่ง
การลงมติเห็นชอบร่างกฏหมายฉบับนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทเอไอจีประกาศจ่ายเงินโบนัสก้อนใหญ่กว่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่บริษัทได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมูลค่า 1.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต้องออกมาวิจารณ์การกระทำดังกล่าว เนื่องจากประชาชนต่างไม่พอใจกับการนำเงินภาษีไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
แม็กซ์ โบคัส ประธานคณะกรรมการกิจการไฟแนนซ์ของวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า การจ่ายเงินโบนัสสูงเกินไปให้กับกลุ่มคนที่ทำให้เราต้องตกอยู่ในวิกฤตนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ชาวอเมริกันหลายล้านคนยังคงต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด และประหยัด ซึ่งสภาคองเกรสก็สมควรที่จะต้องทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เม็ดเงินภาษี 90% นี้จะเรียกเก็บจากผู้ที่มีรายได้รวมถึงเงินโบนัสเกินกว่า 250,000 ดอลลาร์หลังจากวันที่ 31 ธ.ค.2551 จากบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือขั้นต่ำ 5 พันล้านดอลลาร์จากรัฐบาล แต่จะไม่มีผลต่อรายได้ในส่วนของค่าคอมมิชชั่น และเงินสวัสดิการ
ขณะที่เงินโบนัสราว 3.6 พันล้านดอลลาร์ของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โคจะไม่ได้รับผลกระทบจากร่างกฏหมายฉบับนี้ เพราะบริษัทได้จ่ายเงินให้กับพนักงานก่อนวันที่ 31 ธ.ค.2551 แต่ร่างกฏหมายดังกล่าวจะมีผลต่อแบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และมอร์แกน สแตนลีย์ รวมถึงพนักงานของแฟนนี เม และแฟรดดี แมค เพราะบริษัทเหล่านี้จ่ายโบนัสพนักงานหลังจากวันที่ 31 ธ.ค.ไปแล้ว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สมาชิกเดโมแครตลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฏหมายดังกล่าว 243 เสียง ส่วนสมาชิกพรรครีพับลิกันเห็นชอบเพียง 85 เสียง ส่วนเสียงที่คัดค้านมาจากเดโมแครต 6 เสียงและรีพับลิกัน 87 เสียง