"กษิต"โต้ข้อหาแกนนำพันธมิตรฯ แค่ร่วมต้านระบอบ"ทักษิณ"ในอุดมการณ์ตรงกัน

ข่าวการเมือง Friday March 20, 2009 19:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงประเด็นกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในฐานะแกนนำพันธมิตรและไม่เคยเข้าร่วมประชุมวางแผนใดๆ กับกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนการขึ้นพูดบนเวทีปราศรัยเป็นเพราะได้รับเชิญ และเห็นว่าเป็นการร่วมต่อสู้ในอุดมการณ์ที่ตรงกัน คือการต่อต้านระบอบ"ทักษิณ"ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น และต่อต้านเผด็จการรัฐสภาโดยพรรคเดียว

"ผมต่อสู้มาตลอดชีวิต และพร้อมจะเคลื่อนไหวต่อต้านการปกครองบ้านเมืองที่ไม่ถูกต้อง...สังคมไทยต้องเป็นประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาลให้ได้ ดังนั้นผมจึงออกมาต่อต้านระบอบทักษิณ และจะต่อต้านต่อไป ถ้าระบอบทักษิณกลับมาครองบ้านครองเมืองอีก" รมว.ต่างประเทศ ระบุ

พร้อมกันนั้น นายกษิต ยอมรับว่ารู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดีพอสมควร เพราะที่ผ่านมาเคยเป็นที่ปรึกษาในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาล แต่หลังจากทำงานด้วยไม่ถึงปีก็เริ่มไม่สบายใจที่จะร่วมงานด้วย จึงขอย้ายไปเป็นเอกอัครราชทูตที่ประเทศญี่ปุ่น และระหว่างนั้นก็ได้รับรายงานเข้ามามากมายถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลทักษิณในช่วงนั้น ดังนั้น หลังจากเกษียณราชการแล้วจึงเข้ามาร่วมวงวิชาการในการต่อต้านระบอบทักษิณ เพราะต้องการเห็นสังคมที่ดีกว่า

ส่วนกรณีปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาที่ฝ่ายค้านหยิบยกว่าไม่รักษาอธิปไตยจนปล่อยให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนให้แก่กัมพูชาที่เข้ามาก่อสร้างถนนในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนนั้น รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตราบใดที่การปักปันเขตแดนยังไม่เสร็จสิ้น ทหารไทยจะรักษาอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้มีการสูญเสียดินแดนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาก็ราบรื่นมาโดยตลอด ทางฝ่ายกัมพูชาเห็นด้วยกับไทยที่จะให้เรื่องระหว่าง 2 ประเทศสามารถแก้ไขกันเองได้โดยไม่เป็นปัญหาไปถึงระดับอาเซียน ระดับองค์การสหประชาชาติ หรือ ระดับศาลโลก มีทิศทางแน่ชัดว่าจะเจรจากันด้วยสันติวิธี ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมขอว่าอย่านำประเด็นเรื่องการปักปันเขตแดนมาเป็นอุปสรรคต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา

"นี่เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะทำให้การเจรจาเรื่องเขตแดนดำเนินการต่อไปได้ และการเจรจาที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการเมืองภายในเข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้เป็นเรื่องเทคนิควิชาการ ก็จะทำให้คืบหน้าไปได้...ประเด็นเจรจาเรื่องเขตแดนไม่ใช่ของง่าย เป็นเรื่องของการสูญเสียดินแดนกันไม่ได้ทั้ง 2 ฝ่าย การจะทำอะไรต้องคิดถึงประวัติศาสตร์"นายกษิต กล่าว

รมว.ต่างประเทศ ยังปฏิเสธถึงพฤติกรรมด้านลบต่างๆ ตามที่ถูก ส.ส.ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาพูดว่าเป็นแค่เพียงข่าวลือ ซุบซิบนินทากันเท่านั้น โดยเห็นว่าทีมงานของฝ่ายค้านยังฝีมือไม่ถึงพอในการหาข้อมูล

"มาถามข้อเท็จจริงกับผมก่อน อย่าไปฟังพวกข่าวลือ ซุบซิบ นินทา คณะทำงานของท่านยังฝีมือไม่ถึง มาเอาข้อมูลกับผมดีกว่า ทุกอย่างมีข้อมูลอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีอะไรปิดบังว่าผมทำอะไรในฐานะเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆ มา 5 ประเทศ ขอให้สบายใจต่อความซื่อสัตย์สุจริตของผมทั้งในอดีตและต่อไป" นายกษิต กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงจากการถูกพาดพิงในสมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยยืนยันว่าแม้ตอนนี้สถานะจะเปลี่ยนไปเป็นผู้นำรัฐบาลแล้ว แต่ยังคงยืนยันตามแนวทางเดิมเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา คือให้ถือว่าเขตแดนไทย-กัมพูชา ต้องเป็นไปตามสนธิสัญญา, ประเทศไทยเคารพคำตัดสินของศาลโลกที่ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารและส่วนใต้ปราสาทเป็นอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งจะไม่คลอบคลุมไปถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบ โดยในระหว่างนี้ที่ไทยยังขอสงวนสิทธิไม่ประท้วงในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เพราะต้องรอความพร้อมของข้อมูลก่อน

"เมื่อใดที่มีข้อมูลว่าประเด็นพิพาทจะต้องพิจารณาใหม่ ไทยก็สามารถใช้สิทธิได้โดยไม่มีอายุความ ที่ยังไม่ทวงคืนตอนนี้ เพราะเราสงวนสิทธิไว้ เมื่อมีข้อมูลพร้อมก็จะทำ"นายกรัฐมนตรี กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ