กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุในรายงานที่ยื่นต่อสภาคองเกรสว่า จีนกำลังทำลายสมดุลอำนาจในเอเชียด้วยการเดินหน้าพัฒนา disruptive technology (เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากและนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ) ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีต่อต้านดาวเทียมและเทคโนโลยีทำสงครามไซเบอร์
"แม้ว่าความสามารถในการรักษากำลังทางทหารยังมีอยู่อย่างจำกัด แต่กองกำลังจีนก็ยังเดินหน้าพัฒนา disruptive technology อย่างจรวดมิสไซล์ต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าสู่สมรภูมิรบ" กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุ
ในปี 2550 จีนได้ทำลายดาวเทียมพยากรณ์อากาศของจีนที่โคจรอยู่ในอวกาศด้วยอาวุธคิเนติก ส่งผลให้สหรัฐเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความปลอดภัยของดาวเทียมตรวจการณ์และดาวเทียมสื่อสารของประเทศ นอกจากนั้นจีนยังพัฒนาอาวุธเลเซอร์ต่อต้านดาวเทียมและยังสามารถเข้าแทรกแซงการส่งสัญญาณของดาวเทียมบางส่วนได้ด้วย
"รายงานดังกล่าวเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนมาก" จีออฟ มอร์เรล โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว "เราได้รับข้อมูลใหม่ๆ และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทัพจีน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกที่สำคัญๆ"
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวสรุปว่า "การที่จีนไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายและศักยภาพของกองทัพ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความมั่นคง เนื่องจากอาจสร้างความคลางแคลงใจและความเข้าใจผิดได้" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน