พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยผ่านระบบวิดีโอลิงค์มายังเวทีของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โดยแสดงความเป็นห่วงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลจากที่เตรียมจะออกกฎหมายเพื่อขอขยายเพดานการกู้เงินเป็น 60% ของจีดีพี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุของรัฐบาล ไม่ใช่การเตรียมรองรับการแก้ไขปัญหาในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงอาจทำให้ประชาชนต้องเตรียมรับสถานการณ์ เช่น การปรับขึ้นภาษี
"ผมเป็นห่วง ขยายเพดานเงินกู้เป็น 60% ของจีดีพี คุณอภิสิทธิ์บอกว่าประเทศอื่นก็ทำมากกว่านี้ ประเทศอื่นทำได้เพราะฐานภาษีเขา 35% แต่ของเรา 15% พี่น้องเตรียมไว้ว่าต้องเกิดเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องขึ้นภาษี หรือไม่ก็ไม่มีปัญญาใช้หนี้ จะต้องขาดดุลงบประมาณไปเรื่อยๆ เพราะงบประจำมาก ในที่สุดหนี้สินจะเพิ่มขึ้นเกิน 60%" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ส่วนการนำเงินงบประมาณของประเทศไปใช้นั้น ถ้าจะให้ถูกต้องควรนำไปใช้เป็นงบเพื่อการลงทุน หรือการสร้างงาน แต่ขณะนี้รัฐบาลกลับนำเงินไปแจกให้แก่ประชาชนโดยตรง อาจจะทำให้ได้คะแนนเสียงแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้นเพราะคงไม่มีเงินแจกได้ต่อไปเรื่อยๆ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยยังคงต้องเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบจึงจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ พร้อมย้ำว่าช่วงที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยมากที่สุด คือ ช่วงที่มีพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เนื่องจากได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างชอบธรรม ดังนั้นจึงต้องตอบแทนให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับระบอบอมาตยาธิปไตยที่ประชาชนมาที่หลัง และเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลต่างตอบแทน คือ ต้องตอบแทนผู้มีบุญคุณที่ทำให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งใหม่ ซึ่งหากผลประกาศออกมาเป็นอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พร้อมที่จะยอมรับ