นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เผยที่ผ่านมาได้มีการติดต่อประสานงานไปยังสถานทูตทั่วโลกเป็นการภายในเพื่อแจ้งให้ทราบถึงความไม่สบายใจของรัฐบาลไทยกรณีที่ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ประเทศต่างๆ เพื่อเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการโฟนอินหรือวิดีโอลิ้งค์มายังเวทีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธปิไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
"ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดเป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่าเราจะมีความไม่สบายใจมาก หากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย" นายกษิต กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนนินคดีในประเทศไทย
รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังรัฐบาลประเทศต่างๆ ว่า หากรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ก็ขอให้ช่วยแจ้งมายังสำนักงานอัยการสูงสุดของไทยเพื่อประสานขอตัวกลับมาดำเนินคดี
"อัยการสูงสุดได้มีคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่แล้ว และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบ เพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ" นายกษิต กล่าว
ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายกษิต กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่าหากมีการยกเลิกพาสปอร์ตเล่มสีน้ำตาลจะเป็นการกระทบสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางหรือไม่ แต่ทางกฤษฎีกามีหนังสือตอบกลับมาว่าไม่รับตีความ เพราะเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนเองได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว
"ผมขอเปิดใจว่า วันนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 อุดมการณ์ คือ เราต้องการมีประชาธิปไตย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีรัฐธรรมนูญ แต่อีกฟากไม่ต้องการมีสิ่งเหล่านี้...เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชิงอำนาจทางการเมือง วันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ที่มีกลุ่มบุคคลที่พยายามดำเนินการบางอย่าง" นายกษิต กล่าว
รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการผ่านนักการทูตต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงนโยบายรัฐบาล ซึ่งหลังจากนายกรัฐมนตรีไปพูดที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดก็มีบทความของสื่อต่างประเทศนำเสนอในทิศทางที่มีความเข้าใจมากขึ้น