กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ประณามการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่กล่าวให้ร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อย่างเลื่อนลอย พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามกฎหมาย
"การปลุกระดมใส่ร้าย ฯพณฯ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่าเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แทรกแซงข้าราชการและศาล ใส่ความประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกล่าวหาองคมนตรีผู้ที่เคยเป็นอดีตประธานศาลฎีกาว่าเป็นผู้ร่วมกันวางแผนในการล้มรัฐบาลระบอบทักษิณ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวอ้างตามคำบอกเล่าอย่างเลื่อนลอยที่ปราศจากหลักฐานและไร้ซึ่งความรับผิดชอบ" นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ อ่านตอนหนึ่งของแถลงการณ์เรื่อง "คำเตือนต่อการวางเฉยกรณีมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์"
การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดสัญญาณภาพและเสียงของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ปราศรัยปลุกระดมมวลชน กล่าวใส่ร้ายโจมตีประธานองคมนตรี องคมนตรี และตุลาการ เป็นเพียงหวังทำลายความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม และหาเหตุต่อรองหวังฟอกความผิดและนิรโทษกรรมให้กับตัวเองของอดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก ตลอดจนเรียกร้องทรัพย์สินที่ถูกอายัดกลับคืนมาเท่านั้น ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาชนหรือเพื่อประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้าง
"นอกจากจะหลบหนีคดีความอันเป็นการไม่เคารพต่อคำตัดสินของศาลในพระปรมาภิไธยแล้ว คณะทนายความ(พ.ต.ท.ทักษิณ)ยังเคยมีประวัติให้เงินสินบนใส่ถุง 2 ล้านบาทกับเจ้าหน้าที่ในศาลยุติธรรม จนถูกศาลฎีกาสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา อีกทั้งนักการเมืองและอันธพาลในระบอบทักษิณยังข่มขู่คุกคามองค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างป่าเถื่อน ดังนั้นคนที่ไม่เคารพและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอดก็คือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรและพวกทั้งสิ้น" แถลงการณ์ฯ ระบุ
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาใส่ร้ายว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยถูกแทรกแซงและไม่เป็นธรรมในคดีที่ตัดสินให้ตัวเองมีความผิด แต่กลับใช้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไล่ฟ้องคดีหมิ่นประมาทผู้อื่น และกล่าวหาโจมตีประธานองคมนตรี องคมนตรี และศาลล้วนแล้วแต่เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างในพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น นอกจากนั้น ยังพาดพิงโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันองคมนตรี
นายสุริยะใส กล่าวว่า แม้จะมีความสงสัยในกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล แต่กลุ่มพันธมิตรฯ มีความเชื่อมั่นและเคารพต่อศาลไทยซึ่งกระทำภายใต้พระปรมาภิไธย จึงพร้อมพิสูจน์ตัวเองและน้อมรับคำตัดสินโดยไม่หลบหนีและไม่เรียกร้องการนิรโทษกรรมใดๆ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องยอมรับโทษตามคำพิพากษาและพิสูจน์ตัวเองในคดีทุจริตคอร์รัปชั่นทุกคดีโดยไม่ต้องเรียกร้องการนิรโทษกรรมใดๆ
ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกหนังสือเดินทางและดำเนินการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาลงโทษในประเทศไทย, ทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.51, ให้รัฐบาลแถลงความจริงและคดีทุจริตทั้งหมดในระบอบทักษิณผ่านสื่อของรัฐและเร่งรัดปฏิรูปสื่อโดยด่วนที่สุด, ให้รัฐบาลและทหารทำหน้าที่พิทักษ์ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมั่นคงของรัฐ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งสกัดกั้นการโฟนอินและวิดีโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
"การวางเฉยต่อการจ้องทำลายสถาบันองคมนตรีและสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมขัดต่อหน้าที่ มโนธรรมสำนึก และรัฐธรรมนูญ" แถลงการณ์ ระบุ