นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะสามารถดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยระหว่างที่ตนเองต้องเดินทางไปร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศ G-20 ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-4 เม.ย.นี้ แม้จะมีการพูดกันว่ามีบางฝ่ายต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ก็ตาม
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่ม นปช.ที่ต้องการให้มีนายกรัฐมนตรีชั่วคราวเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นข้อเรียกร้องที่สับสนมาก เพราะเป้าหมายมุ่งช่วยให้คนบางคนพ้นผิด ซึ่งรัฐบาลจะต้องไม่จำนนและเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นเรื่องของคนคนเดียวสำคัญกว่าบ้านเมือง
ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะเคารพสิทธิของประชาชนและยังยึดแนวทางที่จะใช้ความอดทนในการทำงานต่างๆ รวมถึงการยึดแนวทางตามขั้นตอนของหลักกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งการปล่อยข่าวลือต่างๆ ออกมาในช่วงนี้ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบด้วย แต่ทั้งนี้หากเกิดความจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้ความเด็ดขาดเข้าแก้ไขปัญหาก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้อยู่ในขั้นตอนตามมาตรฐานสากล
"ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลจะไม่สะดุด ข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อแดงไม่ได้ทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น และถ้าจำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาดเข้าแก้ปัญหาก็ต้องทำ แต่ต้องให้ประชาชนเข้าใจให้ชัดเจนว่า การใช้สิทธิต้องไม่ผิดกฎหมาย และถ้าจำเป็นต้องเด็ดขาด รัฐบาลจะดำเนินการในกรอบกฏหมายตามหลักสากล" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมมั่นใจว่า รัฐบาลยังทำงานต่อไปได้ตามปกติไปจนกระทั่งมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่จะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือน มิ.ย.นี้
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดและอาจเข้ามาสมทบกับใน กทม.มากขึ้นตามการปลุกระดมจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีไม่วิตกกังวลต่อเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจที่ดีต่อรัฐบาล และจะพยายามไม่ให้เกิดปัญหาม็อบชนม็อบขึ้นได้
ส่วนจะมีการตัดสัญญาณโฟนอิน หรือวิดีโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เข้ามายังเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่นั้น ขณะนี้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำลังรวบรวมรายละเอียดและถือว่ามีความชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว หากการโฟนอินไม่เกี่ยวข้องกับเวลาและการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ แต่เป็นการใช้ระบบดาวเทียม รัฐบาลก็คงดำเนินการได้ยาก