(เพิ่มเติม) นายกฯ ให้พรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ เตรียมเริ่มใช้กม.จัดการม็อบเสื้อแดง

ข่าวการเมือง Thursday April 9, 2009 22:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ค่ำวันนี้ ประกาศให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ประชาชนได้รับความไม่สะดวก เนื่องจากรัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายเข้าจัดการและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายในกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หลังจากก่อความวุ่นวายด้วยการปิดถนนหลายเส้นทาง และเชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้มีเจตนานำเหตุการณ์เข้าไปสู่ความรุนแรง

"รัฐบาลย้ำแนวทางที่เคยกล่าวไว้ว่าเราจะไม่ใช้ความรุนแรงและจะบังคับใช้กฎหมาย แต่เลือกที่จะไม่ผลีผลามเข้าไปดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นเหยื่อของผู้ที่วางแผนไว้และต้องการนำไปสู่ความรุนแรง แต่การบังคับใช้กฎหมายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายทันที"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

รัฐบาลยังยืนยันเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน 2 ข้อ คือการรักษาสถานที่ราชการไม่ให้มีการเข้ามาบุกรุก และ การดูแลปัญหาการจราจร ซึ่งหากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้รัฐบาลต้องการแยกแยะคนที่มาชุมนุมในเรื่องของประชาธิปไตย บางคนอาจถูกชักจูงหรือหลงผิดก็ขอให้เลิกกระทำการทั้งหมด แล้วจะเหลือแต่เพียงผู้ที่ดำเนินการที่ถือว่าจงใจกระทำผิดกฎหมายอย่างขัดเจน ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการ ขณะนี้ได้มีการบันทึกทั้งภาพและเสียงของบุคคลตลอดจนทะเบียนรถเอาไว้หมดแล้ว โดยจะมีการดำเนินคดีและลงโทษต่อไป

แต่เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สะดวกยิ่งขึ้น คณะรัฐมนตรีเห็นพ้องกันที่จะประกาศให้วันพรุ่งนี่เป็นวันหยุดราชการซึ่งจะบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องการจราจรได้ในระดับหนึ่ง และทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการแยกแยะกลุ่มคนต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในจุดที่มีการกระทำผิดกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้มีการวางแผนอย่างรัดกุม

นายอภิสิทธิ์ ให้ความมั่นใจว่าการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน รัฐบาลขอให้ประชาชนร่วมกันใช้ความอดทนอดกลั้น ความสงบ ความรอบคอบ ความมีสติในการเอาชนะสำหรับคนไทยทุกคน สำหรับสถาบันหลักของชาติ และสำหรับประเทศชาติ ซึ่งมั่นใจว่าแนวทางที่เดินอยู่นี้อีกไม่นานจะนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองโดยไม่ต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้น

"การบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นแน่นอน และกำลังเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ผมอยากเรียนกับประชาชนที่ถูกชักจูงให้มาชุมนุมและกระทำผิดกฎหมานก็ขอให้ท่านไตร่ตรองให้ดี และตัดสินใจยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประเทศ และยืนอยู่กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยืนอยู่กับความถูกต้องของบ้านเมือง

...ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในบางจุดทีมองเห็นว่าจะดำเนินการได้โดยไม่เกิดการกระทบกระทั่งมากนัก และไม่นำไปสู่การเป็นเงื่อนไขหรือข้ออ้างให้เกิดการขยายผลในการนำไปสู่ความรุนแรง"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าข้อเรียกร้องของกลุมผู้ชุมนุมมีความสับสนไม่ได้นำไปสู่การได้มาซึ่งประชาธิปไตยหรือการปฏิรูปการเมืองการปกครองอย่างที่ควรจะเป็น และการเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีเป็นเรืองที่ไม่เหมาะสม และยังพยายามขยายวงความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง และพยายามขยายผลไปในประเด็นที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงด้วย

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ไม่สามารถรับข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ให้ยุบสภาหรือลาออกได้ เนื่องจากมองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นความพยายามสร้างความสับสนทางการเมืองมากกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตย และการขีดเส้นตายเอาไว้ 24 ชั่วโมงก็ไม่มีเหตุผลขัดเจน

และ แม้ว่าการยุบสภาเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี แต่ในภาวะเช่นนี้ไม่เหมาะเพราะจะไม่ได้นำไปสู่การเลือกตั้งที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ประชาธิปไตย เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลพยายามเคลื่อนไหวกดดันไม่ให้มีแข่งขันทางการเมือง และมีการข่มขู่คุกคามพรรคการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกับตนเอง

"การยุบสภาภายใต้ความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะไม่นำไปสู่ประชาธิปไตย นอกจากนั้น ถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นในช่วงการเลือกตั้งก็จะยิ่งทำลายภาพลักษณ์ของประชาธิปไตยอย่างรุนแรง"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนั้น ขณะนี้ประเทศไทยต้องปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียน มีภาระต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในช่วง 3 วันข้างหน้านี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเสริมความเชื่อมั่นให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ถ้ายุบสภาสิ่งเหล่านี้จะต้องหยุดชะงักลง

ส่วนข้อเรียกร้องล่าสุดให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากหากลาออกสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะที่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลยังยืนยันทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ก็จะมีการลงคะแนนเลือกตนเองเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่ 3 คือต้องการเห็นประขาธิปไตยพัฒนาต่อไปนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่รัฐสภาเปิดให้ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ ให้มีความเป็นธรรมและเหมาะสม หากดำเนินการไปตามนั้น ก็จะนำไปสู่การตัดสินใจทางการเมืองของตนเองว่าควรจะเป็นอย่างไรต่อไป



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ