ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ได้ยื่นคำร้องต่อสภาคองเกรสเพื่อขอเงินเพิ่มอีก 8.34 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับใช้ปฏิบัติการทางทหารในอิรักและอัฟกานิสถาน โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะรวมอยู่ในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และหากได้รับการอนุมัติ จะทำให้งบประมาณสำหรับทำสงครามของสหรัฐมียอดรวมอยู่ที่ราว 9.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดีโอบามาได้เขียนจดหมายซึ่งส่งถึงนางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า สถานการณ์ในอัฟกานิสถานและประเทศเพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเร่งด่วน
"ตาลีบันกำลังฟื้นคืนชีพ และอัล-กออิดะห์ก็ข่มขู่คุกคามอเมริกาจากที่กบดานที่ปลอดภัยบริเวณชายแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน" โอบามาระบุ พร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติคำร้องของเขาอย่างรวดเร็ว และไม่ใช้งบประมาณเสริมไปกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม คำขอของผู้นำสหรัฐสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายที่ต่อต้านการทำสงคราม รวมถึงส.ส. ลินน์ วูลซีย์ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งกล่าวว่า การของบเพิ่มเติมดังกล่าวจะยิ่งทำให้การทำสงครามในอิรักยืดเยื้อไปจนถึงปี 2554 เป็นอย่างน้อย ทั้งที่เวลานั้นทหารสหรัฐมีกำหนดถอนทัพกลับประเทศแล้ว อีกทั้งจะยิ่งทำให้สหรัฐต้องส่งทหารไปประจำการในอัฟกานิสถานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
"แทนที่จะใช้วิธีทางการทหารเพื่อแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญในอิรักและอัฟกานิสถาน ท่านประธานาธิบดีต้องเปลี่ยนปฏิบัติการของเราในสองประเทศดังกล่าวตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความปรองดอง การพัฒนาเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม และการดำเนินความพยายามทางการทูต"
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โอบามาก็ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายทำสงครามของสหรัฐจากเดิมที่มุ่งเน้นการปราบปรามการก่อการร้ายในอิรักมาให้ความสำคัญกับปฏิบัติการในอัฟกานิสถานแทน
โดยในเดือนที่แล้ว โอบามาได้ประกาศแผนการถอนทหารสหรัฐเกือบทั้งหมดออกจากอิรักภายในเดือนส.ค.2553 และจะให้เหลือทหารประมาณ 35,000 - 50,000 นายอยู่ในอิรักจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2554 จากปัจจุบันที่มีทหารสหรัฐประจำการในอิรัก 142,000 นาย สำหรับปฏิบัติการสู้รบในอัฟกานิสถานนั้น ผู้นำสหรัฐได้สั่งการให้ส่งทหารไปเพิ่ม 17,000 นาย เพื่อสู้รบกับพวกตาลีบัน และอีก 4,000 นายสำหรับฝึกฝนกองกำลังอัฟกานิสถาน