นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตัดสินใจที่จะบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวม 6 จังหวัดต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่จะพยายามให้ใช้เวลาสั้นที่สุด โดยจะดูความจำเป็นในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะปรับปรุงในรายละเอียดเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นจึงยังไม่มีการยกเลิกในขณะนี้แต่จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอย เพราะขณะนี้ยังมีพื้นที่อีก 2-3 จุด ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ที่จะต้องจับตาเป็นพิเศษ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นพื้นที่ใดบ้าง
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม.รับทราบเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว และเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยึดหลักเกณฑ์การเยียวยาและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเหมือนเช่นหลักเกณฑ์ที่ใช้กับการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ซึ่งได้กำชับให้เร่งช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยมีงบประมาณพร้อมที่จะดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงแนวคิดในการออกกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมว่า ครม.ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาแนวทางในเรื่องดังกล่าว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะไม่จำกัดสิทธิของผู้ชุมนุม แต่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่รู้หลักเกณฑ์การปฏิบัติงานตั้งแต่เริ่มต้นชุมนุม รวมถึงหากเกิดปัญหาขึ้นว่าจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนหลักเกณฑ์อย่างไร หากเห็นว่า การชุมนุมเริ่มจะออกนอกเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว
"จะได้มีหลักว่าจะปฏิบัติอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับการดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ให้ดำเนินคดีทุกคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด เพื่อไม่ให้สังคมมองว่ารัฐบาลปฏิบัติ 2 มาตฐาน ซึ่งการออกหมายจับหรือคัดค้านการประกันตัว เพราะมีเหตุที่เชื่อว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าวอาจจะออกไปดำเนินการใด ๆที่กระทบต่อความทมั่นคงได้อีก
ส่วนการที่ตนเองและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามากำกับดูแลสถานการณ์ในช่วงปฏิบัติการสลายการชุมนุมเนื่องจากต้องการให้เจ้าหน้าที่มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่ารัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนที่โยนความรับผิดชอบให้กับผู้บัญชาการทหารบก โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่จะใช้ 2 มาตรฐาน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ได้สั่งการแล้วให้เพิ่มการดูแลรักษความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยเฉพาะบริเวณโรงพยาบาล และขอร้องให้กลุ่มสนับสนุนและกลุ่มที่มีความเห็นไม่ตรงกับนายสนธิอยู่ในความสงบ เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดให้ดีที่สุด
รวมทั้งหากบุคคลใดที่คิดว่าตนเองตกอยู่ในภาวะอันตรายก็ให้แจ้งมา เจ้าหน้าที่จะให้การดูแลเป็นพิเศษ เพราะไม่ต้องการเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นหรือนำไปสู่ต้นเหตุของความขัดแย้ง รัฐบาลพร้อมจะดูแลอย่างเต็มที่